ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566 ขอสะท้อนมุมมองความคิดแง่งามของการทำงานสุภาพสตรีทั้ง 2 ท่านเพื่อจุดประกายในการส่งพลังดี ๆ รับปีใหม่

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ภริยาสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ถ่ายทอดถึงพลังสตรี ว่า “ผู้หญิงมีบทบาทในครอบครัว บทบาทแรกคือ แม่เลี้ยงดูลูก และทำให้ลูกมีชีวิตที่ดีเราต้องมีรายได้เข้ามาในบ้าน พ่อแม่ให้โอกาสเราได้รับการศึกษา เราต้องนำความรู้ที่ได้มาสร้างงานสร้างอาชีพหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ทุกอย่างเริ่มต้นที่สถาบันครอบครัว เราต้องเป็นที่พึ่งพาให้ครอบครัว เศรษฐกิจระดับครอบครัว ถือเป็นจุดแรกหรือเป็นไมโครอีโคโนมี (Micro Economy) ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจครัวเรือนเข้มแข็ง ซึ่งต้องมาจากคนเข้มแข็ง คนเข้มแข็งมาจากคนที่มีความรู้ ความคิดที่ชอบ ซึ่งส่วนตัวแล้วพยายามทำแบบนี้ในบ้านของตัวเอง โดยส่งเสริมให้ลูกหลานให้เรียนหนังสือ ลูกหลานคนไหนอยากเรียนวิชาสาขาอาชีพใด ก็จะส่งให้เรียน เมื่อตัวเองพอมีกำลัง ก็จะคิดถึงเด็กที่มีความสามารถ แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปได้ เช่น เรียนเก่ง เราก็หาทางให้เขาได้เรียน ปัจจุบันนี้เป็นประธานหาทุนให้มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ  ซึ่งมีเด็กกว่า 3,000 คน มาประมาณ 7-8 ปี ร่วมกับท่านปลัดฯ สุทธิพงษ์ เราช่วยกันหาทุนเข้ามูลนิธิฯ กว่า 100 ล้าน เพื่อส่งให้เด็กได้เรียน มีความสุขในการได้ทำหน้าที่นี้ เพราะคิดว่าการสร้างคนหนึ่งคนให้มีความรู้มีการศึกษา มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ เหมือนเราสร้างต้นกล้าที่แข็งแรงให้ชุมชน” 

“ส่วนตัวแล้วพี่กับท่านปลัดฯ สุทธิพงษ์ ช่วยกันสนับสนุนทุนการศึกษาให้เด็ก ประมาณปีละหลายล้านบาทถือเป็นการแบ่งปันให้สังคม เราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวในสังคม สังคมของเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยสังคมของคนอ่อนแอ ให้การศึกษา คือการติดอาวุธทางปัญญา สมัยเป็นประธานสภาสตรีฯ งานหลักที่ทำคือ น้อมนำแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สนับสนุนการใส่ผ้าไทย ถ้าเราใส่ผ้าไทยกันมาก ๆ คนที่ทอผ้าก็ขายได้ คนตัดเย็บ ออกแบบก็มีอาชีพ นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทยและเอกลักษณ์ชุมชนไทยส่งผ่านไปยังลูกหลานได้ ต่อมาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีพระราชปณิธานมุ่งมั่นที่จะสืบสาน รักษาและต่อยอด พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันปีหลวง ได้พระราชทานลายผ้าขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีให้แก่พี่น้องคนไทยทั่วประเทศได้สวมใส่ด้วยลวดลายที่ทันสมัยอีกทั้งยังพระราชทาน โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก โดยให้นักออกแบบชื่อดังของประเทศไทย มาออกแบบตัดเย็บชุดเพื่อให้ใส่ได้ทุกช่วงวัย ในฐานะนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้ร่วมขับเคลื่อนรณรงค์ผ้าไทยกับภริยาผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศโดยจะเริ่มตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และมาแข่งขันกันในระดับประเทศ โดยเน้นการสร้างนักออกแบบตัดเย็บจากจังหวัดเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้

ในวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” ร่วมกันขับเคลื่อนกับท่านปลัดมหาดไทยมีแนวร่วมเป็นสิบล้านครัวเรือน ถ้าครัวเรือนหนึ่งประหยัดค่าซื้อผักได้ 50 บาท/วัน ปีหนึ่ง 10 ล้านครัวเรือนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 200,000 ล้านบาท การช่วยคนที่เราต้องการให้ความช่วยเหลือสามารถพึ่งพาตัวเอง พอทำสำเร็จ เราทั้งสองฝ่ายมีความสุข”

“คนแรกในชีวิตที่เราเรียนรู้ว่า เป็นผู้ให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดคือ คุณแม่ของเรา แม่ในฐานะผู้ให้กำเนิด แม่คนเดียวเลี้ยงลูกตั้งหลายคน แม่ให้ลูกก่อนเสมอ ความรักของแม่กว้างใหญ่ไพศาล การดำเนินชีวิตของพี่ยึดหลักการเป็นผู้ให้ โดยเฉพาะในครอบครัวต้องให้ทุกมิติ เพราะเราใช้ชีวิตอยู่ใกล้กันมาก ต้องแบ่งปัน ความรักและมีความเข้าใจ มีสติ มีเหตุมีผลให้ความเมตตา ให้อภัย ไม่ยึดติด ช่วยเหลือ ไม่คาดหวังว่าจะได้อะไร การที่มีคนมองว่า เราเป็นผู้หญิงที่ทรงพลัง และเป็นแบบอย่างที่ดีงามในสังคม

ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณทุกท่านที่เห็นตัวเองในมุมนี้ อยากชวนผู้ที่มีโอกาส มีกำลัง มีความสามารถในการช่วยผู้อื่นได้มาทำร่วมกัน ชาติไทยของเราจะเป็นปึกแผ่น มั่นคง ยั่งยืนได้นั้นเราต้องร่วมมือกันทำความดี พี่เชื่อมั่นว่า ผู้นำที่ดีคือการเป็นผู้ให้ที่ดี เราต้องทำงานในหน้าที่เราให้ดีที่สุด ทำโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และเชื่อมั่นในการทำความดี” ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่หนักแน่น

คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เผยว่า “การขับเคลื่อนสังคมเพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค พัฒนา และมีเสถียรภาพนั้น ควรต้องเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน แม้ว่าปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่กล้านำศักยภาพออกมาดำเนินการในสถานะผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาคเศรษฐกิจ สังคม หรือการดำเนินชีวิต แต่ไม้ต้นเดียวยังไม่อาจเรียกว่าเป็นผืนป่าได้ฉันใด ความสามารถเฉพาะตัวก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นผลสำเร็จพหุภาคได้ฉันนั้น ผู้หญิงจึงต้องมีการรวมพลังมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ร่วมพัฒนา เพื่อเดินไกลไปด้วยกันจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้น โดยเรียนรู้ตลอดเวลา และฝึกฝนตนเองให้พร้อมชนะความท้าทายทุกชนิด จึงจะเป็นพลังหญิงขับเคลื่อนสังคมได้เต็มความหมาย”  

สำหรับหลักการใช้ชีวิตส่วนตัวนั้นคุณหญิงณัฐิกา เผยว่า ยึดถือ 3 ต้อง (ต้องเริ่ม ต้องมี ต้องเป็น) คือ 1.ต้องเริ่มจากใจตนเองก่อน ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ว่า “ต้องระเบิดจากภายในตน” แล้วโอบล้อมสู่ชุมชน สังคม ประเทศ และโลก โดยลำดับ 2.ต้องมีความกตัญญูกตเวทิตา ทั้งต่อบุพการี ต่อสังคม ต่อประเทศ และ 3.ต้องเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม ถือหลักถ้าจะอยู่ในที่เจริญ ต้องทำที่อยู่ให้เจริญก่อน โดยให้โอกาส ให้ความรู้ และให้อนาคต.