สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ว่า บริษัทแอนท์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการฟินเทครายใหญ่ที่สุดของโลก คือระบบอาลีเพย์ ในเครือของกลุ่มบริษัทอาลีบาบา ประกาศเมื่อวันเสาร์ ว่า นายแจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งแอนท์ กรุ๊ป ประกาศสละสิทธิการออกเสียงและการควบคุมทั้งหมดที่เคยมีอยู่ในบริษัทแห่งนี้


แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หม่าถือครองหุ้นในแอนท์ กรุ๊ป เพียง 10% แต่ใช้อำนาจดังกล่าวผ่านบริษัทตัวแทน หนึ่งในนั้นคือบริษัท หางโจว หยุนป๋อ ซึ่งลงทุนด้านยานยนต์ ส่งผลให้หม่ามีอำนาจออกเสียงมากกว่า 50% และแอนท์ กรุ๊ป เปิดเผยข้อมูลนี้อย่างเป็นทางการ ในเอกสารซึ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน เมื่อปี 2563 และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะทำให้หม่าเหลือสัดส่วนในการออกเสียงเพียง 6.2%


ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของแอนท์ กรุ๊ป เกี่ยวกับการลดบทบาทครั้งสำคัญของหม่าในครั้งนี้ ระบุด้วยว่า จะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการอิสระคนที่ 5 ในคณะกรรมการบริหาร เพื่อให้การลงคะแนนเสียงจากกลุ่มนี้ถือเป็นเสียงข้างมาก ปัจจุบัน แอนท์ กรุ๊ป มีผู้อำนวยการ 8 คน


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของแอนท์ กรุ๊ป เรียกได้ว่า “เป็นขั้นตอนใกล้ลำดับสุดท้าย” ของการปรับโครงสร้างองค์กร “อย่างหนักหน่วง” ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งเตรียมปรับแอนท์ กรุ๊ป มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,730 ล้านบาท) ตามกระแสข่าวเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว


อนึ่ง แอนท์ กรุ๊ป เคยมีแผนการระดมทุนหุ้นไอพีโอ มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.24 ล้านล้านบาท) เมื่อเดือน ต.ค. 2563 ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นการระดมทุนหุ้นไอพีโอมูลค่ามหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แต่หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียว แอนท์ กรุ๊ป “ล้มเลิกแผนการในนาทีสุดท้าย”


ต่อจากนั้นในเดือน เม.ย. 2564 สำนักงานกำกับดูแลด้านการตรวจสอบตลาดแห่งรัฐของจีน เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นเงิน 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 92,757.50 ล้านบาท) ฐานละเมิดกฎหมายผูกขาดการค้า ถือเป็นการลงโทษปรับผู้ประกอบการที่กระทำผิดในเรื่องนี้ เป็นวงเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES