เมื่อวันที่ 9 ม.ค. พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการรับฟังข้อมูลจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองชื่อดังว่า เตรียมที่จะเรียก ผบช.น.และคณะพนักงานสอบสวนคดีผับจินหลิง มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบ เนื่องจากถูกพาดพิงถึง โดยกรอบซักถามก็เป็นประเด็นทั่วไปที่ นายชูวิทย์ เคยออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และจะใช้เวลาในการสอบสวนข้อเท็จจริงประมาน 15 วัน ก่อนจะรายงานผลไปให้ ผบ.ตร. นอกจากนี้ คณะสอบสวนข้อเท็จจริงของจเรฯ เตรียมพิจารณาว่ามีพยานบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจในการทำงานของคณะตรวจสอบ ว่าไม่ใช่โรงลิเก และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนตัวไม่ได้น้อยใจที่นายชูวิทย์แสดงความไม่มั่นใจการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนการตรวจสอบกรณีมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ผับจินหลิง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด วันเวลา และสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งการดูจากคลิปวิดีโอยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เหตุเกิดเมื่อไหร่ และมีการลักลอบเล่นการพนันจริงหรือไม่ ซึ่งมีคลิปสามารถยืนยันบุคคลได้คนเดียวคือ “นายตู้ห่าว” ทั้งนี้ หากพบว่าเป็นการลักลอบเล่นการพนันจริง สามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมย้อนหลังกับนายตู้ห่าว และพวกได้ โดยมีอายุความสูงถึง 10 ปี และหากพบว่าตำรวจท้องที่ปล่อยปละละเลย สามารถเอาผิดย้อนหลังได้เช่นกัน

คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังมีอำนาจตรวจสอบกรณี 3 นายพล และ นายตำรวจหัวหน้าหน่วยสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถูกพาดพิงว่าช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงหนังสือเดินทางให้กับผู้ต้องหาคนจีนบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจเอกสารซึ่งมีมากถึง 1 แสนแผ่น และมีตำรวจเกี่ยวข้องหลายคน ข้อมูลส่วนนี้สอดคล้องกับข้อมูลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดังนั้น คณะกรรมการจึงต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายชูวิทย์ ได้ขึ้นไปให้ข้อมูลกับคณะจเรตำรวจ นานกว่า 2 ชั่วโมง ภายหลังลงมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า ช่วงแรกที่ให้สัมภาษณ์ว่า คณะจเรดังกล่าวเหมือนเป็นคณะละครคณะลิเก แต่เมื่อขึ้นไปพบว่าคณะดังกล่าวไม่ได้มีแค่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตํารวจแห่งชาติ เพียงนายเดียว แต่มี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และตำรวจในสังกัดกองบังคับการปราบปรามอีกเป็นจำนวนมาก ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ตนเองได้ในระดับหนึ่ง และในการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากตน ก็พอรับรู้ได้ว่าคณะดังกล่าวเอาจริง จึงให้โอกาสคณะตรวจสอบดังกล่าวทำงานก่อน และเชื่อว่าจะสามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและสร้างความกระจ่างให้กับสังคมได้.