แกเรธ เบล ดาวยิงกัปตันทีมชาติเวลส์ ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้วด้วยวัย 33 ปี หลังโลดแล่นบนเวทีลูกหนังมาอย่างยาวนานถึง 17 ฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม เบล ซึ่งลงเล่นให้กับ แอลเอ เอฟซี ทีมดังในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ยอมรับว่า การตัดสินใจหันหลังให้กับกีฬาที่ตนรัก โดยเฉพาะการเลิกเล่นให้กับ ทีมชาติเวลส์ นับเป็นการตัดสินใจที่ยากเย็นที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว

เบล เปิดใจผ่านแถลงการณ์บนโซเชียลมีเดียว่า “การตัดสินใจเลิกเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในอาชีพนักเตะของผม การเดินทางบนเวทีทีมชาติ คือสิ่งที่ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมเท่านั้น แต่ยังเข้ามาช่วยเปลี่ยนตัวผมเองด้วย”

“หลังจากการคิด และพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน ผมขอประกาศแขวนสตั๊ดจากทั้งฟุตบอลระดับสโมสร และทีมชาติโดยทันที ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสสานฝันให้เป็นจริงด้วยการลงเล่นกีฬาที่ผมรัก”

“ฟุตบอลช่วยมอบช่วงเวลาดี ๆ ให้กับชีวิตของผม ช่วงเวลาทั้งขาขึ้น และลงตลอดช่วง 17 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีทางที่จะทำซ้ำได้อีกแล้ว ไม่สำคัญเลยว่า จะมีอะไรรอผมอยู่ในเรื่องราวบทต่อไป”

เบล เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งกับ เซาแธมป์ตัน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ด้วยวัยเพียง 16 ปี และลงเล่นให้ “ไก่เดือยทอง” กว่า 200 นัด ตลอดช่วงเวลา 6 ฤดูกาล โดยสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักเตะอาชีพ หรือ พีเอฟเอ มาครองได้ 2 ครั้ง

ฤดูกาล 2012/13 เบล ระเบิดฟอร์มทำ 26 ประตู จนถูก รีล มาดริด คว้าไปร่วมทัพด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติโลกใหม่ และประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยคว้าแชมป์ร่วมกับ “ราชันชุดขาว” ได้ถึง 16 รายการ ในช่วง 8 ปี ที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว รวมทั้งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย, ลา ลีกา 3 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และแชมป์โกปา เดล เรย์ อีก 1 สมัย

ขณะที่กับทีมชาติเวลส์ เบล ลงเล่นเป็นสถิติสูงสุดถึง 111 นัด และเป็นกำลังสำคัญในการพา “มังกรแดง” ผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นในศึกยูโร 2016 และ 2020 รอบสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากอาชีพ ด้วยการพา เวลส์ ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1958 ในเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์.

ภาพ REUTERS