เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ การรัตน์ สว.(สอบสวน)​ สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา รับแจ้งเหตุชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี ใช้อาวุธปืนขู่บังคับคนขับรถเมล์สาย 8 ซึ่งจอดอยู่ที่ท่ารถแฮปปี้แลนด์ ซอย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จึงเดินทางไปตรวจสอบร่วมกับ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 พ.ต.อ.สิทธิ​ศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว พร้อมประสานหน่วยอรินทราช 26 และชุดปฏิบัติการ​พิเศษคอมมานโด​เข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุบริเวณถนนแฮปปี้แลนด์สาย 1 ห่างจากถนนลาดพร้าวประมาณ 500 เมตร พบรถเมล์สาย 8 วิ่งระหว่างอนุสาวรีย์​-แฮปปี้แลนด์ สีชมพู ทะเบียน 10-5845 กรุงเทพมหานคร ในรถพบชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี สวมเสื้อยืดลายทาง ไว้ผมรองทรง ในมือมีอาวุธปืนขนาด 11 มม. นั่งรออยู่ที่บริเวณด้านหลังคนขับในลักษณะอ่อนแรง

จากการสอบสวนนายสายัน ฤกษ์พิจิตร อายุ 39 ปี พนักงานขับรถ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้โดยสารรถมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนกระทั่งรถมาจอดสุดสายที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นกระเป๋ารถเมล์ได้หันไปพบผู้ก่อเหตุนั่งอยู่บนรถ ตนจึงบอกออกไปว่ารถหมดระยะแล้ว ก่อนที่คนร้ายจะลุกขึ้นและเดินมาหาพร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาขู่และพูดว่า “มึงขับกลับไปส่งกูที่อนุสาวรีย์ฯ เลย” ก่อนที่คนร้ายจะใช้ด้ามปืนทุบเข้าที่ท้ายทอย ตนจึงได้ออกอุบายว่าจะขอไปเซ็นใบออกรถก่อน ไม่งั้นจะเสียเงินให้กับทางอู่ ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีลงมาด้านล่าง เหลือเพียงกระเป๋ารถเมล์ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียว

ซึ่งภายหลัง น.ส.นวลพรรณ ม่วงจีบ อายุ 30 ปี พนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร ได้อาศัยช่วงที่คนร้ายไม่ทันระวัง หนีรอดลงมาจากรถได้อย่างปลอดภัย

ต่อมาเวลา 01.00 น.วันที่ 23 ส.ค เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวมารดาของผู้ต้องหามายังบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อทำการเจรจาเกลี้ยกล่อม โดยมารดาได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงของเจ้าหน้าที่ว่า “เฟิร์ส (คนร้าย)​ ขอให้มอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ เฟิร์ส รักแม่ไหม” พร้อมบอกให้ลูกชายของตนนั้นเดินมาที่ด้านท้ายรถ

กระทั่งเวลา 02.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเจรจา ยื่นข้อเสนอว่าจะนำแบตสำรอง (power bank)​ ไปให้กับคนร้าย โดยขอให้คนร้ายยื่นมือทั้ง 2 ข้างออกมานอกรถ ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งทางคนร้ายได้ยอมทำตามที่ทางเจ้าหน้าที่บอก โดยยื่นมือทั้งสองข้างออกมาทางหน้าต่างคนนั่ง เบาะหลังสุดด้านขวา จากนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งมี 2 นาย นายหนึ่งปลอมเป็นผู้สื่อข่าว ถือกล้องเข้าไปพูดคุย

โดยระหว่างเจรจาพูดคุยได้สอบถามถึงข้อเรียกร้องว่าต้องการอะไร ปรากฏว่า นายเฟิร์สตะโกนตอบว่าต้องการให้พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และขอให้ฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำทีรับข้อเสนอว่าจะเป็นกระบอกเสียงให้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนาย ได้พยายามเข้าประชิดตัวและทำท่าเหมือนจะยื่นแบตสำรองให้ แต่ปรากฏว่านายเฟิร์สได้ดึงตัวกลับ ก่อนที่ชุดจู่โจมของหน่วยอรินทราช 26 จะบุกขึ้นรถเมล์และเข้าชาร์จคุมตัวได้ภายในรถ ก่อนคุมตัวนายเฟิร์ส ขึ้นรถตู้ไปสอบสวนที่ สน.ลาดพร้าว ซึ่งเหตุการณ์​ครั้งนี้ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง และโชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย

ด้าน พล.ต.ท.ภัค​พงศ์​ กล่าวว่าจากการสอบสวนทราบว่าคนก่อเหตุชื่อนายพีรณัฐ แสงจันทร์ อายุ 24 ปี เป็นอดีตลูกจ้างชั่วคราวแห่งหนึ่ง (การรถไฟฯ)​ ซึ่งภายหลังไม่ได้ทำงาน จึงเกิดความเครียด เครียดปัญหาส่วนตัว ความเครียดเกี่ยวกับการเมือง ได้รับผลกระทบการใช้ชีวิต ส่วนคนร้ายจะเคยร่วมชุมนุมทางการเมืองด้วยหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ส่วนอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่จากการสอบสวนไม่พบว่าคนร้ายใช้ก่อเหตุยิงใครแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบประวัติพบว่านายพีรณัฐ มีหมายจับในคดีชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ท้องที่ สน.บางซื่อ ก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ก.ค.64 ได้เงินไป 8,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ โดยใช้อาวุธและหน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป