เมื่อวันที่ 31 ม.ค. จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) ร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ลูกสาวอายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.1 ถูกรุ่นพี่อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 พยายามข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน แต่ไม่สำเร็จ เพราะมีคนผ่านมาเห็น ก่อนที่จะล่อลวงมาข่มขืนในห้องน้ำที่บ้านจนสำเร็จ โดยมีเพื่อนผู้หญิงอายุ 7 ขวบ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ถูกบังคับให้ปิดตาห้ามมอง และขู่จะฆ่าปาดคอหากขัดขืน เหตุเกิดในพื้นที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เหยื่อสังคมทราม! 2 แม่โร่ร้อง ‘ปวีณา’ ลูก 4 ขวบ-7 ขวบ ถูกล่วงละเมิดในโรงเรียน

ล่าสุด พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ ชัยณรงค์ศักดิ์ ผกก.บัวเชด เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้ส่งเด็กหญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุเบื้องต้นพบเนื้อเยื่อพรมจรรย์ฉีกขาด และต้องรอผลตรวจยืนยันดีเอ็นเอ หากพบผลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชายในตัวน้องผู้หญิงก็น่าจะยืนยันว่าใช่ ในตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับเด็กชายที่ถูกกล่าวหาจนกว่าจะมีการสอบสหวิชาชีพเด็กทั้ง 2 ฝ่าย และเจ้าหน้าที่ยังได้สอบบอกคำแม่เด็กหญิงวันที่มาแจ้งความ และลงพื้นที่บ้านเด็กผู้ชายซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ จากนั้นจะนัดน้องไปสอบปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัด พร้อมทีมสหวิชชาชีพในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าแม่และน้องได้เดินทางไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ขณะนี้ก็ยังไม่กลับ ทราบว่าจะเดินทางกลับมาในวันที่ 2 ก.พ. นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานแล้ว หากกลับมาก็จะรับตัวไปสอบปากคำทันที่ที่สำนักงานอัยการจังหวัด

ขณะที่ยายของเด็กชาย ป.3 ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูห้องน้ำที่บ้าน ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวว่า ปกติพวกเด็กๆ 4-5 คน จะพากันมาเล่นอยู่แถวบริเวณรอบบ้านและในบ้านกันเป็นประจำ ส่วนมากก็จะเป็นหลานๆ ของพวกตน แต่ก็จะมีเด็กผู้หญิงที่มีเรื่องกันมาเล่นด้วยก่อนเกิดเรื่อง 2-3 วัน ปกติบ้านเขาจะอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน และเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ประมาณ 3 วัน จากการสอบถามหลานชายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร และถามเด็กที่เล่นด้วยกันก็บอกว่า หลานชายไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน ตอนที่ไปคุยกันกับผู้ปกครองที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เด็กก็บอกว่าเด็กผู้หญิงเป็นคนให้ถอดกางเกง และลูกของน้องสาวก็เข้ามาเห็น และยืนยันว่าหลานชายไม่ได้ถอดกางเกงก่อน ประมาณว่าเด็กผู้หญิงเป็นคนให้เด็กผู้ชายถอด และไม่มีการขู่ฆ่าปาดคอด้วย

ด้านผู้ใหญ่บ้านท้องที่เกิดเหตุ กล่าวว่า หลังรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้เรียกผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยหารือกัน แต่ไม่สามารถพูดคุยได้ เพราะผู้ถูกกระทำและผู้ถูกกล่าวหาเป็นเด็ก ก็เป็นการสอบถามกันคร่าวๆ เท่านั้น โดยถามน้องอีกคนที่อยู่ด้วยก็บอกว่าเพียงแต่เห็นน้องผู้หญิงถอดกางเกงและให้เด็กผู้ชายถอดตาม แต่ยังไม่ได้ถอดก็มีคนเห็นก่อน ซึ่งจะให้ตนตัดสินใจให้ว่าใครถูกผิดนั้นทำไม่ได้ ซึ่งจากการพูดคุยของผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายเด็กหญิงเรียกเงินค่าชดเชยไป 2 หมื่นบาท ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กชายไม่มี จึงไปสามารถตกลงกันได้ ทางฝ่ายเด็กหญิงจึงได้พากันไปแจ้งความ และเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ