เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่จังหวัดขอนแก่น น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามการช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบเหตุไฟไหม้จากกรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.หนองบัวลำภู จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่กลับเกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้เด็กนักเรียน 5 ราย ในงานรอบกองไฟ อาการสาหัส 2 ราย โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ตนมาให้กำลังใจพร้อมประสายงานช่วยเหลือครอบครัวนักเรียนที่ประสบเหตุไฟไหม้ทั้ง 5 ราย ซึ่งจะดูในเรื่องของการศึกษา การพักฟื้น จนหายเป็นปกติและกลับเข้ามาเรียนได้ ซึ่งเท่าที่รับฟังจากแพทย์เจ้าของไข้ทราบว่า นักเรียนถูกไฟไหม้บนร่างกาย 45% ส่วนกรณีสังคมผู้ปกครองมองว่า อยากให้ ศธ. ทบทวนเรื่องการจัดกิจกรรมค่ายลูกเสือ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรหลาน เนื่องจากเป็นการเข้าค่าย 3 วันนั้น ตนไม่อยากให้คิดเช่นนั้น เราต้องแยกประเด็น ซึ่งการจัดกิจกรรมลูกเสือเป็นค่ายของการพัฒนาผู้เรียน สร้างความเป็นผู้นำ และรู้จักทักษะชีวิตการช่วยเหลือตัวเอง ขณะที่วิธีการของจัดกิจกรรมครูผู้ควบคุมจะต้องมีความรอบคอบมากขึ้น เช่น การจัดกองไฟ ความเสี่ยงของกิจกรรม เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าสถานศึกษาจะจัดกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ที่นอกเหนือนอกห้องเรียน อาจจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแล รวมถึงวางมาตรการการช่วยเหลือ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะต้องเข้าช่วยเหลือนักเรียนได้ทันที 

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนผลการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ตนรับทราบว่า อาจเป็นความประมาทและไม่คาดคิดว่าจะเกิดไฟลุกไหม้ เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมรอบกองไฟ และมีการจุดไฟด้วยการเอาน้ำมันโซล่ามาใส่ไว้ตั้งแต่เวลากลางวัน ต่อมาถึงเวลาจัดกิจกรรมในช่วงเย็น นำไฟมาจุดแต่ไม่ติด จึงไปนำแอลกอฮอล์มาจุ่มใส่จนเกิดเหตุไฟลามลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บ และถือเป็นเรื่องที่ไม่ระวังและไม่รอบคอบ ดังนั้นจากนี้ไปการจัดกิจกรรมลูกเสือสมัยใหม่ จะแจ้งให้สถานศึกษาได้รับทราบเป็นแนวปฏิบัติว่า ไม่มีการจุดไฟจริงในกิจกรรมรอบกองไฟ และให้ใช้ไฟเทียมในการจัดกิจกรรมแทน  

ด้านนางเสา ไชยยะ ผู้ปกครอง ด.ช.ชัยวัฒน์ ผงทอง นักเรียนชั้น ม.2 ที่ประสบเหตุไฟไหม้ร่างกายว่า ตนรู้สึกดีใจมาก ที่มีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ มาเยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งลูกชายปลอดภัยดี อาการพ้นวิกฤติแล้ว และทราบจากแพทย์เจ้าของไข้ด้วยว่า จะถอดเครื่องช่วยหายใจของบุตรชายในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ตนมีกำลังใจดีขึ้นกว่าวันแรกๆ มาก