เช้าวานนี้ (7 ก.พ. 2566) กรมตำรวจประจำรัฐอินดีแอนายืนยันว่า มีความคืบหน้าใหม่ล่าสุดของคดีสังหารโหดสาววัยรุ่นเมื่อ 47 ปีก่อน หลังจากทีมสืบสวนทำงานอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ โดยอาศัยร่องรอยจากดีเอ็นเอที่พบจากตัวผู้ตาย ซึ่งจับคู่กับดีเอ็นเอของคนร้ายในระบบข้อมูล

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1975 ลอเรล จีน มิทเชลล์ สาวน้อยวัย 17 ปี กลับไม่ถึงบ้านของเธอ หลังจากเลิกงานที่แคมป์เอปเวิร์ธ ฟอร์เรสต์ เชิร์ช ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบเวบสเตอร์ ในเมืองคอสเซียสโคเคาน์ตี รัฐอินดีแอนา 

พ่อแม่ของ มิทเชลล์ รีบไปแจ้งความคนหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในเช้าวันต่อมา ก็มีผู้พบศพของเธอจมอยู้ในน้ำ ตรงบริเวณที่อยู่ห่างจากบ้านของเธอไปราว 27 กม. และถึงแม้ว่าผลการชันสูตรศพจะชี้ว่า เธอเสียชีวิตจากการจมน้ำตาย แต่เจ้าหน้าที่ชันสูตรก็รายงานว่า มีร่องรอยที่บ่งบอกว่าเธอ “สู้จนสุดชีวิต” ก่อนจะหมดลมหายใจ ทำให้ทางตำรวจตัดสินใจเปิดการสืบสวนคดีฆาตกรรม

โฆษกของกรมตำรวจรัฐอินดีแอนา กล่าวว่า ในการสืบสวนคดีช่วงแรก ทีมนักสืบได้ใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการหาเงื่อนงำเพื่อนำไปสู่ตัวคนร้าย ตลอดระยะเวลาร่วม 5 ทศวรรษที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหลายต่อหลายคน ได้สานงานในคดีนี้อย่างต่อเนื่อง 

ในที่สุด เจ้าหน้าที่ก็จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย ในสัปดาห์นี้ ในข้อหาฆาตกรรมสาวน้อย มิทเชลล์ ได้แก่ เฟร็ด แบนดี จูเนียร์ วัย 67 ปี และ จอห์น เวย์น เลห์แมน วัย 67 ปี เช่นกัน ทั้งสองอยู่ในรัฐอินดีแอนา แต่ต่างเมือง โดยทั้งคู่โดนจับกุมที่บ้านของตัวเองเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในเรือนจำโนเบิล เคาน์ตี และยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวทั้งคู่

จอห์น เลห์แมน (ซ้าย) และ เฟร็ด แบนดี จูเนียร์ (ขวา)

การสืบสวนการเสียชีวิตของ มิทเชลล์ เปลี่ยนแนวทางไปเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ห้องแล็บของกรมตำรวจอินดีแอนา สามารถจับคู่ตัวอย่างดีเอ็นเอที่เก็บจากเสื้อผ้าของ มิทเชลล์ กับตัวอย่างดีเอ็นของ แบนดี ซึ่งได้มาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ความเกี่ยวโยงที่เริ่มเห็นได้ชัด นำทีมสืบสวนไปหาเพื่อนคู่หู แบนดี และ เลห์แมน ซึ่งฝ่ายหลังเคยยอมรับก่อนหน้านี้ว่า ได้ลงมือก่ออาชญากรรมร่วมกับ แบนดี เมื่อปี ค.ศ. 1975 โดยข้อมูลนี้เคยมีผู้แจ้งเบาะแสมาให้สำนักงานนายอำเภอโนเบิลเคาน์ตี เมื่อเกือบสิบปีก่อน

นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่ไม่เปิดเผยนามอีกอย่างน้อย 2 ราย ให้ข้อมูลแก่ทีมสืบสวนว่า แบนดี ได้ยอมรับมากกว่า 1 ครั้งว่า เคยลงมือฆาตกรรมวัยรุ่นสาว

ในการประชุมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา สารวัตรเควิน สมิธ แห่งกรมตำรวจรัฐอินดีแอนา กล่าวว่า คดีนี้คือความสำเร็จที่เป็นผลจากการลงมือลงแรงสืบสวนมาหลายทศวรรษ และในที่สุด วิทยาศาสตร์ก็มอบคำตอบสำคัญมากมาให้ นอกจากนี้ เขายังกล่าวขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่พากันให้ข้อมูลมากมายตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ตำรวจติดตามตัวคนร้ายได้สำเร็จ

แหล่งข่าว : cbsnews.com

เครดิตภาพ :  Noble County Jail