เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการส่งต่อภาพ พระธรรมพัชรญาณมุนี วิ. (ฌอน ชยสาโร) สถานพำนักสงฆ์ บ้านไร่ทอสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กำลังถ่ายภาพทำบัตรประชาชนของประเทศไทย ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า พระราชพัชรมานิต (สมณศักดิ์ของพระธรรมพัชรญาณมุนี ในขณะนั้น)​ สัญชาติอังกฤษ สถานพำนักสงฆ์ บ้านไร่ทอสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยเวลานาน เป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย แตกฉานในพระธรรมคำสอน มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติมาก่อน ถือเป็นผู้ทำคุณประโยชน์เป็นพิเศษต่อประเทศไทยและพระพุทธศาสนา ประกอบกับพระราชพัชรมานิต ได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาแปลงสัญชาติเป็นไทย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พระราชพัชรมานิต (พระฌอน ชิเวอร์ตัน ชยสาโร) แปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2563

พระธรรมพัชรญาณมุนี มีนามเดิมว่า ฌอน ชิเวอร์ตัน เกิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2501 เมื่อยังเล็กท่านมีสุขภาพไม่ดี มีอาการหอบหืด แม้จะต้องหยุดโรงเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตนเอง สิ่งที่สนใจคืออะไรคือสิ่งสูงสุดที่เราจะได้จากการเป็นมนุษย์ อะไรคือความจริงสากลที่ไม่ขึ้นอยู่กับสมมุติของแต่ละสังคม ทำไมคนเราอยากจะอยู่อย่างเป็นมิตรแต่กลับรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อยไป เมื่อศึกษาอยู่ได้อ่านหนังสือมากมาย จนกระทั่งพบคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น “สัจธรรมความจริง” ที่กำลังแสวงหาอยู่ จึงสนใจการฝึกจิตและศึกษาหาความรู้ทางพุทธศาสนาตั้งแต่อยู่ในวัยรุ่น ท่านทำงานเก็บเงินระหว่างเรียน และออกเดินทางหาประสบการณ์ในประเทศต่างๆ ตั้งแต่อายุ 17 ปี ใช้เวลา 2 ปี จนแน่ใจว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นหนทางที่ต้องการแทนการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2521 ได้พบและเริ่มปฏิบัติกับ อาจารย์สุเมโธ (พระราชสุเมธาจารย์ ในปัจจุบัน และเป็นพระชาวต่างชาติรูปแรกที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา) ที่วิหารแฮมสเตด ประเทศอังกฤษ และได้ถือเพศเป็นอนาคาริก (ปะขาว) อยู่กับท่านอาจารย์สุเมโธเป็นเวลา 1 พรรษา แล้วเดินทางมายังประเทศไทย บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2522 ณ วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. 2523 ณ วัดหนองป่าพง โดยมี พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) เป็นพระอุปัชฌาย์

โดยก่อนเดินทางมาประเทศไทย ท่านได้ตั้งใจว่าจะอยู่ที่วัดหนองป่าพง ให้ครบ 5 ปี เพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม เมื่อมาพบหลวงพ่อชา ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและความเป็นครูที่มีทั้งเมตตา และปัญญาในการสอนอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถทนต่อความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบพระวัดป่า ที่เข้มงวดในวินัย และการฝึกปฏิบัติตามรอยพระพุทธเจ้า และการอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ชาวไทยจนเกิดความก้าวหน้าในธรรม แนวการสอนของหลวงพ่อชาเน้นการปฏิบัติการรักษาศีล และข้อวัตร ความอดทน ความเพียร การใคร่ครวญหลักธรรม และน้อมมาสู่ใจให้เฝ้าสังเกตจนรู้ทันอารมณ์ของตนเอง และสามารถใช้สติปัญญาในการสร้างประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่นพร้อมกันไป

สำหรับลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ. 2557 เป็น พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระราชพัชรมานิต พ.ศ. 2563 เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระเทพพัชรญาณมุนี พ.ศ. 2564 เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระธรรมพัชรญาณมุนี