สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองซูลัก-โซร์-แมร์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ว่า เมืองซูลัก-โซร์-แมร์ ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเร็วที่สุดในฝรั่งเศส โดยพื้นที่ชายหาดต่างๆ หายไปในอัตราประมาณ 2.5 เมตรต่อปี ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และเมื่อปี 2553 มหาสมุทรซัดเข้าหาเนินทรายซึ่งเป็นที่ตั้งของ “เลอ ซิกนัล” ตึกสูง 4 ชั้นที่ใช้รองรับนักท่องเที่ยวที่มายังเมืองแห่งนี้

ในปี 2557 รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจย้ายผู้อยู่อาศัยในอาคาร และเริ่มกระบวนการเวนคืนที่ยาวนาน รวมถึงการกำจัดแร่ใยหิน ก่อนที่จะเริ่มการรื้อถอนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ชาวเมืองคนหนึ่ง กล่าวว่า การรื้อถอนอาคารหลังนี้ชี้ให้เห็นถึงคำสำคัญในยุคปัจจุบัน นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และผลกระทบของมันที่มีต่อระดับน้ำทะเล

“สถานการณ์ของเลอ ซิกนัล ส่วนใหญ่เป็นเชิงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ในแง่ของการกัดเซาะชายฝั่งของฝรั่งเศส” นายอาดรีแย็ง พริวัต เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันชายฝั่งของฝรั่งเศส กล่าวว่า ภัยคุกคามดังกล่าวเห็นได้อย่างชัดเจน

พริวัต ระบุว่า ภาวะโลกร้อนมีผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยที่สูงขึ้น ส่งผลให้ปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการกัดเซาะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และทำให้แนวชายฝั่งเสี่ยงต่อพายุมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งอาคารทรงกล่องยังเป็นตัวอย่างของการที่นักวางผังเมืองไม่ค่อยคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า แนวชายฝั่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

นอกจากนี้ พริวัต กล่าวเสริมว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพายุที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้คนอาศัยอยู่ในเลอ ซิกนัล โดยไม่มีมาตรการป้องกันชายฝั่งที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อแนวชายฝั่งใกล้เคียงด้วย ดังนั้นแล้ว ขั้นตอนการเวนคืนที่ยาวนาน และความพยายามในการจัดหาเงินทุน สำหรับการรื้อถอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการซ้อมที่จำเป็นต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต.

เครดิตภาพ : REUTERS