บริษัทประชาสัมพันธ์และมาร์เกตติ้ง พอลล็อก คอมมูนิเคชันส์ ซึ่งมีชื่อเสียงในแง่ของความเชี่ยวชาญด้านอาหารของสหรัฐและนิตยสารแนวโภชนาการ Today’s Dietitian ได้ประกาศรายชื่อของ ’10 อันดับซูเปอร์ฟู้ด’ ประจำปี 2566 ได้เป็นผลมาจากการสำรวจความเห็นจากนักโภชนาการที่มีใบอนุญาตตามกฎหมาย 757 คน ลงคะแนนร่วมกันเพื่อคัดเลือกว่าอาหารชนิดใดที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดสำหรับผู้บริโภคในปีล่าสุด

สิ่งที่น่าทึ่งก็คือในปีนี้ มีอาหารที่ติดอันดับเกือบทั้งหมดเป็นอาหารที่มาจากพืช ซึ่งอันดับ 1 ของรายชื่อ ‘ซูเปอร์ฟู้ด’ ประจำปี 2566 ได้แก่ กิมจิ และอาหารที่ผ่านการกระบวนการหมักดองหรือแช่อิ่มอื่น ๆ เช่น ผักดอง, โยเกิร์ต และชาคอมบุฉะ โดยมีเหตุผลว่าอาหารเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและบำรุงการทำงานของลำไส้

ส่วนเมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดเจีย, เมล็ดกัญชง ได้ตำแหน่งที่ 2 เพราะให้กรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย ขณะที่อันดับที่ 3 ได้แก่ ผลบลูเบอร์รีซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง 

อันดับ 4 ได้แก่ อะโวคาโด ซึ่งมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่นเดียวกับอันดับที่ 5 ซึ่งก็คือถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์, วอลนัต, พิสตาชิโอ

สำหรับอันดับที่ 6 นั้นคือผักใบเขียวทั้งหลาย เช่น ปวยเล้ง ซึ่งมีสารฟลาโวนอยด์ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอการอักเสบของร่างกาย ส่วนอันดับที่ 7 นั้นเป็นประเภทพืชน้ำ โดยเฉพาะพืชจากท้องทะเล เช่น สาหร่ายทะเล, มอสทะเล 

อันดับที่ 8 ในรายชื่อคือขาประจำอย่างชาเขียว ส่วนอันดับที่ 9 คือ ‘ธัญพืชโบราณ’ (Ancient grains) หรือธัญพืชที่มีการกลายพันธุ์น้อยหลังจากปลูกและเก็บเกี่ยวกันมาเป็นเวลานานหลายร้อยหรืออาจจะเป็นพัน ๆ ปี เช่น ควินัว, ข้าวสาลีฟาร์โร

สำหรับอันดับที่สุดท้ายหรืออันดับที่ 10 ของรายชื่อนี้คือผลิตภัณฑ์นมประเภท Non-dairy ซึ่งหมายถึงนมที่ไม่ได้มาจากสัตว์ เช่น นมอัลมอนด์, นมถั่วเหลือง ซึ่งเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนในวัยผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมวัวได้ 

นอกเหนือไปจากการจัดอันดับแล้ว ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของอาหารที่น่าจะเป็นกระแสหลักสำหรับผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นปัญหาที่น่ากังวลเนื่องจากสถานการณ์ของราคาอาหารต่าง ๆ พุ่งขึ้นสูงในสหรัฐ จนทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพถีบตัวสูงเกินไป ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ในปีนี้ ประชาชนจะเลือกซื้ออาหารตามกำลังทรัพย์ โดยเน้นที่ราคาถูก มากกว่าจะเลือกซื้อตามคุณประโยชน์ที่จะได้จากการบริโภคเป็นหลัก

แหล่งข่าว : bhg.com

เครดิตภาพ : Pixabay / Dongtan Ko