รายงานข่าวจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) แจ้งว่า วันที่ 8 มี.ค. 2566 ท่าอากาศยานกระบี่ จะเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (เทอร์มินอล) พร้อมอาคารจอดรถ เพื่อรองรับเที่ยวบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ขอให้ผู้โดยสารทุกสายการบินทั้งในประเทศ และผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ เช็กอินที่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1, 2 พร้อมอาคารจอดรถยนต์ วงเงิน 2.92 พันล้านบาท เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้อาคารผู้โดยสารทั้ง 3 หลังของท่าอากาศยานกระบี่เชื่อมต่อกัน มีพื้นที่รวม 6.8 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,500 คนต่อชั่วโมง (ชม.) หรือ 4 ล้านคนต่อปี เป็น 3,000 คนต่อ ชม. หรือ 8 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็น อาคารที่พักผู้โดยสารภายในประเทศ 1,500 คนต่อ ชม. และระหว่างประเทศ 1,500 คนต่อ ชม. และสามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 2,000 คัน เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร

ทั้งนี้ ปัจจุบันงานในส่วนของอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 ก่อสร้างเสร็จแล้ว ส่วนงานก่อสร้างทางขับขนาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน วงเงินประมาณ 941 ล้านบาท จะแล้วเสร็จประมาณเดือน เม.ย. 66 เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้ทางขับขนานท่าอากาศยานกระบี่ รองรับการขึ้น-ลงของเครื่องบินได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 ลำต่อชั่วโมง (ชม.) เป็น 25 ลำต่อ ชม.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ทย. จะได้ดูแลบริหารสนามบินกระบี่ที่เพิ่งก่อสร้างอาคารหลังใหม่เสร็จได้อีกแค่ไม่เกินกลางปีนี้ ทั้งที่เป็นสนามบินอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเอง สร้างรายได้มากที่สุดให้ ทย. เนื่องจากต้องโอนให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ไปบริหารแทน พร้อมๆ กับสนามบินอุดรธานี และสนามบินบุรีรัมย์ ตามมติ ครม. และนโยบายกระทรวงคมนาคม