ไม่ว่าจะดีไซน์สร้างสรรค์เป็นชุดสวย นำมาซับเหงื่อหรือกันแดด ผูกเป็นเปลแกว่งไกวให้เด็กน้อยนอนหลับสบาย จะพาดบ่า คาดเอวหรือสร้างสรรค์ของใช้ของแต่งบ้าน งานคราฟต์เก๋ ๆ ฯลฯ ผ้าสารพัดประโยชน์ที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ไว้อย่างโดดเด่น ที่ต้องกล่าวถึงคือ ผ้าขาวม้า ผ้าทอที่มีเอกลักษณ์ทั้งในด้านลวดลายสีสันและการทอ

ผืนผ้าแห่งภูมิปัญญาผ้าขาวม้า สืบเนื่องจากที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทยขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนฯ มาแล้ว 3 รายการได้แก่ โขน นวดไทย และโนรา

ผ้าขาวม้าผ้าทอที่มีคุณค่าน่าศึกษาหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทยซึ่งมีการใช้ประโยชน์ในทุกภูมิภาค มองในด้านลวดลาย สีสันมีความสวยงามตามเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนฯ พาสัมผัสใกล้ชิดกับผืนผ้าที่มีความลึกซึ้งในด้านวัฒนธรรม โดยอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม โกวิท ผกามาศ ให้รายละเอียดว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินนโยบายเพื่อการปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

กิจกรรมสำคัญประการหนึ่งคือ การประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ โดยรายการมรดกภูมิปัญญาที่ขึ้นทะเบียนฯ สิ่งที่บรรพบุรุษสั่งสมและสร้างสรรค์จากภูมิปัญญามีคุณค่าควรค่าแก่การรักษาสืบทอดให้เป็นมรดกวัฒนธรรมเพื่ออนุชนรุ่นหลัง ได้นำมาศึกษาเรียนรู้ และสืบสานรักษามรดกภูมิปัญญา โดยการประกาศขึ้นทะเบียนฯ ดำเนินการเรื่อยมา

“ผ้าขาวม้า” เป็นหนึ่งในรายการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติในปี 2556 และจากที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ของยูเนสโก ระหว่างปี พ.ศ. 2560-2565 ได้เสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ขอขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโกแล้ว 5 รายการ ซึ่งได้แก่ โขน นวดไทย โนรา สงกรานต์ ต้มยำกุ้ง

จากสามรายการ โขน นวดไทย และโนรา ดังที่ทราบได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก ส่วนที่รอการพิจารณาได้แก่ สงกรานต์ในประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาประชุมให้การรับรองขึ้นทะเบียนฯ ในปีนี้ตามด้วย ต้มยำกุ้ง รายการที่จะมีการพิจารณาขึ้นทะเบียน ในปี พ.ศ. 2568 และผ้าขาวม้าจะมีการพิจารณาขึ้นทะเบียนฯ ในลำดับต่อไป ในปี พ.ศ. 2570

“ตามหลักการพิจารณาการขึ้นทะเบียนฯ ของยูเนสโกจะไม่ได้มีขึ้นทะเบียนฯ ทุกปี และไม่ใช่ทุกรายการที่เสนอไป จะได้รับการพิจารณา อย่างเช่นประเทศไทยที่ผ่านมาเราขึ้นทะเบียนฯ โนราไปแล้วในปี 2564 ปีนี้ก็จะมีการพิจารณาสงกรานต์ จากนั้นจะเว้นโดยเป็นปีเว้นปี พิจารณาต้มยำกุ้ง และผ้าขาวม้า รายการล่าสุดตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้เสนอขึ้นทะเบียนฯ เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก”

ในทุกรายการจะมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรองก่อนถึงการพิจารณาจากคณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะรับรอง จากที่กล่าวรายการที่เสนอไปใช่ว่าทุกรายการจะผ่านการพิจารณาทั้งหมด อาจมีการปรับแก้ไขได้เช่นกัน และสำหรับ ผ้าขาวม้า ที่นำเสนอขึ้นทะเบียนฯ ด้วยที่ผ้าขาวม้ามีความสอดคล้องกับลักษณะของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามนิยามอนุสัญญาฯ โดยที่ผ่านมา ที่เสนอ โขน โนรา นั้น เป็นรายการในสาขาศิลปะการแสดง

นวดไทย ต้มยำกุ้ง เป็นสาขาความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล ขณะที่ สงกรานต์ เป็นรายการในสาขาแนวปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรมและงานเทศกาล ในด้าน งานช่างงานฝีมือดั้งเดิม ยังไม่เคยมีการนำเสนอ คณะทำงานจึงเสนอผ้าขาวม้า ทั้งนี้ ผ้าขาวม้ามีความผูกพันแน่นแฟ้นกับวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน การทอผ้ามีอยู่ทั่วประเทศ ไม่จำกัดอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อีกทั้งจากผืนผ้าขาวม้าในปัจจุบัน ยังต่อยอดสร้างสรรค์ พัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น

“ผ้าขาวม้า ผืนผ้าที่มีความน่าสนใจในตัวเองหลายมิติ ผืนผ้านำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ใช้ในชีวิตประจำวัน ในพิธีกรรมหรือนำมามอบเป็นของขวัญ อีกทั้งต่อยอดตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผ้าขาวม้าสามารถนำกลับมาใช้ซํ้า ใช้ใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนหนึ่งนี้ บอกเล่าผ่านผืนผ้าขาวม้าซึ่งร่วมส่งเสริมสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมฯ”

จากการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติที่ผ่านมา ถึงการเตรียมเสนอขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้นั้น ส่งเสริมให้เกิดการรับรู้เข้าใจมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เกิดความชื่นชมและตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรม ทั้งส่งผลต่ออุตสาหกรรมผ้าทั้งระบบทั้งในด้านแฟชั่น งานดีไซน์ และส่งต่อไปยังทุกระบบที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าขาวม้า ไม่ว่าจะเป็นคนปลูกฝ้าย เลี้ยงไหม ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า ผู้สวมใส่ ทั้งเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสร้างสรรค์ ส่งต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผ้าขาวม้าจากที่กล่าวมีความน่าสนใจในหลายมิติ ทั้งนี้ มีข้อมูลเรื่องน่ารู้จากผืนผ้าอีกไม่น้อย ส่วนหนึ่งจากหนังสืองานช่างฝีมือดั้งเดิมที่กล่าวถึงผ้าขาวม้า โดยผ้าขาวม้าเป็นผ้าทอที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอจากฝ้ายและไหมได้เช่นกัน การทอจะใช้เทคนิคที่เรียบง่าย ส่วนใหญ่จะทอเป็นผ้าลายตารางเล็ก ๆ จับคู่สีเป็นคู่ ๆ ทอสลับกันไปจนเต็มผืนผ้าซึ่งบางท้องที่จะเรียกว่า ผ้าตาหมากรุก ผ้าขาวม้ายังมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องที่ในภูมิภาคต่าง ๆ ตลอดจนกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น

ในปัจจุบันในด้านสีสันยังมีสีสวยละมุน สีจากธรรมชาตินำมาปรับประยุกต์เข้ากับยุคสมัยและความนิยม ผ้าขาวม้าจากที่กล่าวเป็นผืนผ้าสารพัดประโยชน์ ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน ประเพณีและพิธีกรรม นอกจากเป็นเครื่องแต่งกาย เป็นชุดทำงานทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ผ้าขาวม้ายังนำมาใช้โพกศีรษะ ใช้เป็นผ้าห่ม คาดเอว เป็นเข็มขัดหรือสื่อความหมายแสดงการต้อนรับ ยังนำมาสร้างสรรค์เป็นผ้าประดับตกแต่งบ้าน เป็นผ้าปูโต๊ะ ผ้าม่าน ปลอกหมอน ฯลฯ หรือในพิธีกรรมในพิธีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของชีวิต หรือพิธีกรรมทางการเกษตรกรรมไหว้บรรพบุรุษและเทวดาผู้ปกป้องรักษาพืชผลทางการเกษตร ฯลฯ ซึ่งก็ใช้ผ้าขาวม้า

ในความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ้าขาวม้าก็บอกเล่าได้อย่างเด่นชัด โดยผ้าขาวม้าคู่กาย สามารถนำกลับมาใช้ซํ้า นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และด้วยการออกแบบสร้างสรรค์ผืนผ้าในรูปแบบใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ส่งผลให้ผ้าขาวม้ามีบทบาทในท้องถิ่น สร้างงาน ฯลฯ โดยส่วนหนึ่งนี้ บอกเล่าเรื่องราวเอกลักษณ์ผ้าขาวม้า…

ผืนผ้าสารพัดประโยชน์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ผ้าที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสร้างสรรค์และสืบสานงานหัตถศิลป์ทอผ้า.

พงษ์พรรณ บุญเลิศ