เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ ห้องประชุม ชั้น 4 สำนักงานเขตธนบุรี กรุงเทพฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังประชุมในกิจกรรม “ผู้ว่าฯ กทม. สัญจรเขตธนบุรี” เพื่อรับฟังภาพรวมการบริหารจัดการปัญหา อุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต รายงานผลการดำเนินงานตาม Application Traffy Fondueร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อพนักงานกวาดถนนที่อาทิตย์ที่ผ่านมา ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต เราได้ดูแลช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายเต็มที่ แต่ก็เป็นอุทาหรณ์ถอดบทเรียนว่าจะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ของเราเดินทางมาทำงานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยเขตธนบุรีนั้น ปัญหาหลักๆที่เห็นคือที่ทำการเขตมีขนาดเล็กคับแคบ อาศัยที่วัดอยู่ คงต้องหาที่ขยับขยายเพื่อให้บริการประชาชน ซึ่งขณะนี้ก็มีสถานที่น่าสนใจก็คือสำนักงานเทศกิจที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ส่วนปัญหาหลักของเขตธนบุรีภายหลังรับทราบจากที่ประชุม พบว่า เรื่องหาบเร่แผงลอย 2 จุดที่ยังมีปัญหา คือ บริเวณดาวคะนอง และ บริเวณบ้านเเขก ถึงแม้จะเป็นจุดผ่อนผันแต่ก็มีประชาชนร้องเรียนมาเยอะ จึงได้ให้นโยบายโดยเน้นที่การเดินเท้าของประชาชนเป็นหลัก ต้องจัดระเบียบให้เรียบร้อยไม่ให้รก ปัญหาอีกอย่างคือสภาพแวดล้อม เนื่องจากมีคลองเน่าเสียหลายจุด จึงได้เน้นย้ำไป โดยเฉพาะการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดกับคูคลองต่างๆ เรื่องการปล่อยน้ำเสียต้องรีบเร่งไปดูสภาพน้ำ แล้วก็ที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้บริเวณปล่อยน้ำเสีย รวมถึงให้ดูเรื่องการบำบัดน้ำ ให้เขตไปเร่งจัดทำโครงการคลองสวยน้ำใส และชุมชุมชนต่างๆก็ต้องช่วยกันดูแลรักษาสภาพคลอง

และปัญหาสุดท้าย คือ โครงการก่อสร้างที่มีความล่าช้า มีสองจุด ได้แก่ โครงการอุโมงค์รัชดา-ท่าพระ ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนของกรุงเทพมหานครได้เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่จะมีส่วนของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่ยังคงช้าและยังมีประชาชนต่อว่าเรื่องทางเท้าก็จะต้องเร่งรัด ดังนั้น กทม. จะโยนความผิดให้หน่วยงานอื่นไม่ได้เพราะว่าเราเป็นเจ้าของพื้นที่เราก็ต้องไปดูแล ส่วนสำนักผังเมือง ที่ทำทางเดินริมแม่น้ำบริเวณโบสถ์วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ย่านกุฎีจีน ล่าช้านานมีผลต่อการเข้าโบสถ์ เดินทางลำบาก ต้องเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

สำหรับกรณีที่เพจนักเกรียนสวนกุหลาบมีการเผยแพร่เอกสารตราครุฑ 1 แผ่น โดยเป็นหนังสือขอความอนุเคราะห์พิจารณาเด็กนักเรียนรายหนึ่ง โดยส่งจากสำนักงานเขตบางขุนเทียนไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ธนบุรีนั้น นายชัชชาติ ระบุว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้เรียบร้อย แต่เบื้องต้นไม่ใช่โรงเรียนในเขตพื้นที่เดียวกัน เนื้อหาภายในหนังสือเป็นการขอความอนุเคราะห์ แต่ในเรื่องนี้ตนได้สั่งการนโยบายไม่ให้มีการออกหนังสือในลักษณะเช่นนี้อีก เพราะมันไม่ยุติธรรมกับประชาชน เหมือนเป็นการเขียนใบขอ อีกทั้งยังห้ามไม่ให้มีการใช้เส้นสาย ใช้อภิสิทธิ์ หากเด็กจะเข้าศึกษาโรงเรียนใด ก็ขอให้เขาได้ใช้ความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่การแนะนำเด็กผ่านจดหมายราชการอย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าเด็กก็ไม่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แต่อย่างใด

นายชัชชาติ ยังระบุอีกว่า มองในแง่หนึ่งก็ยังไม่ใช่ในกรณีการทุจริต แต่ยอมรับว่าตนไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน และมันไม่ใช่หน้าที่ของผู้อำนวยการเขต ที่จะต้องทำลักษณะนี้ เพราะอาจจะทำให้ประชาชนหลายรายเสียความรู้สึกได้ และไม่ว่าจะเป็นการทำในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะหน่วยงานก็ห้ามทำ ตนต้องขอขอบคุณเพจที่มีการนำเรื่องออกมาแจ้ง ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. ไปตรวจสอบดูเรื่องความผิด ความสมควรแก่เหตุของผู้อำนวยการเขตรายนี้

ด้าน นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. ระบุว่า ผู้อำนวยการเขตได้รายงานตนมาแล้ววานนี้ และในเคสนี้ยังมีรายเดียวที่ได้เสนอไป โดยเป็นเด็กที่อยู่ในเขตของเขา และผู้ปกครองก็พักอาศัยอยู่ในเขตของเขา อีกทั้งผู้ปกครองของเด็กอยากให้เด็กได้เรียนโรงเรียนใกล้ๆบ้าน เพราะเป็นโรงเรียนที่ดี แต่ตนได้ตักเตือนไปแล้วว่าไม่ควรใช้หนังสือราชการ เพราะมันเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว บางครั้งก็มีเรื่องการฝากบวชพระด้วย มองว่าคนไทยฝากกันแบบเป็นธรรมเนียมเช่นนี้ แต่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ยังเผยถึงสถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพฯ ว่า ฝุ่นมาจาก 3 ส่วน คือ 1.จากไอเสียรถยนต์ 2.สภาพอากาศปิด 3.ชีวมวลด้านนอก ซึ่งถ้าสามปัจจัยนี้เจอพร้อมกันจะทำให้ฝุ่นสูงเกือบ 100 มคก./ลบ.ม.เหมือนช่วงที่ผ่านมา ส่วนการคาดการณ์ ช่วงสัปดาห์หน้า ลมใต้จะชนะ จะไม่เอาเชื้อมวลฝั่งตะวันออกเข้ามา และสภาพอากาศเปิด ก็จะทำให้สถานการณ์ฝุ่นในช่วง 4-5 วันนี้เบาบางลง โดย 7 วันหลังจากนี้จะมีสถานการณ์ฝุ่นที่ดีขึ้น

“กทม. เรามีแผนดำเนินการ ทำได้หลักๆคือควบคุมควันดำจากรถยนต์และโรงงาน ซึ่งเราก็มีการตรวจอยู่ต่อเนื่อง ทั้งยังกำชับไม่ให้มีการเผาในพื้นที่เขตหนองจอก เขตมีนบุรี ส่วนเรื่องรถยนต์ มันก็มีตัวอื่นที่ต้องทำระยะยาว ควบคุมไอเสียจากรถยนต์ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นภาพรวมระดับประเทศ อาจจะจำกัดรถเก่าวิ่ง คงต้องเป็นแผนวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานมีอยู่แล้ว” นายชัชชาติ ระบุ

เมื่อถามถึงสถิติตัวเลขจากผลกระทบสถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ ระบุว่า หลัก ๆ มี 4 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจ โรคเยื่อตาบุอักเสบ และโรคผื่นลมพิษ รวมไปถึงเส้นเลือดในสมองตีบลง ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะมีโรคนี้ที่เกิดจากฝุ่นได้ด้วย โดยเมื่อช่วงปลายปีมีจำนวนผู้ป่วยเฉลี่ย 400 คนต่อวัน แต่ตอนเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จำนวนสูงขึ้นอาจจะสูงถึง 700 คน ตัวเลขเพิ่มขึ้นประมาณ 45% ซึ่งทางกรุงเทพมหานครเอง ก็มีการให้บริการศูนย์สาธารณสุขมีการให้บริการในโรงพยาบาลเกี่ยวกับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 อย่างไรก็ต้องขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อกรองฝุ่น

ส่วนกรณีที่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ขอความร่วมมือให้ทางกรุงเทพมหานคร WORK FROM HOME นั้น นายชัชชาติ ระบุว่า จริง ๆ เรามีมาตรการอยู่แล้ว ถ้าค่าฝุ่นเกินมาตรฐานสามวันติดต่อกันเราก็จะประกาศให้มีการทำงานจากที่บ้านแต่ในขณะนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากท่านรัฐมนตรีจะขอเป็นกรณีพิเศษมาก็ได้ ส่วนในคราวที่ผ่านมาที่เราไม่ได้มีการประกาศ Work From Home เนื่องจากมันยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เราตั้งไว้แต่เราก็ได้มีการดูสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง

นายชัชชาติ ยังระบุด้วยว่า ในวันที่ 12 มี.ค ที่มีประกาศเรื่องพายุฤดูร้อน แต่เท่าที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จุดเดียวแต่ต้องระวังในสองมิติ คือ เรื่องความแรงของลมซึ่งอาจจะเกิดต้นไม้หักล้มลงมาได้ ซึ่งทาง กทม. ก็ได้มีการดูแลต้นไม้ในส่วนที่อาจจะเกิดความเสี่ยง พร้อมฝากเตือนประชาชนระมัดระวังด้วยในบางพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่อาจจะเข้าไปไม่ถึง ส่วนเรื่องน้ำท่วม ตนได้มอบหมายไปยังสำนักระบายน้ำให้เฝ้าระวัง แต่คาดว่าไม่น่าห่วงมากเนื่องจากพายุเข้าเพียงวันเดียว

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงเรื่องคำสั่งของศาลปกครองเกี่ยวกับเรื่องทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ทางเดินที่ไม่มีการทำให้ถูกต้อง ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ไม่มีการขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า หรือการขออนุญาตจากทางกรมศิลปากร ตรงนี้ก็จะเป็นแนวทางที่เราจะนำไปใช้ เพราะจริงๆแล้วทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็เป็นส่วนสำคัญแต่ว่าแนวคิดของเราคือต้องทำให้ทางเดินมีขนาดเล็กและสอดคล้องกับชุมชน และบางทีอาจจะไม่ต้องอยู่ริมแม่น้ำแต่สามารถเลาะเข้าชุมชนได้ อย่างไรก็ตาม คำสั่งศาลของศาลปกครองถือเป็นแนวทางที่ดี ที่เราจะนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบต่อไป

“สำหรับการใกล้ครบวาระรัฐบาล หรือสถานการณ์การยุบสภา ซึ่งในส่วนของกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจรตามสำนักงานเขตต่าง ๆ จะต้องมีการหยุดชั่วคราวก่อน หากมีการยุบสภาและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีความกังวลว่าจะเป็นการลงพื้นที่หาเสียง และ สก.จะมาร่วมลงพื้นที่ไม่ได้ อาจจะไปสัญจรตามสำนักต่างๆแทน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง”

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายชัชชาติ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะและฝ่ายโยธา จำนวน 5 คน ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้มีความขยัน รับผิดชอบต่อหน้าที่ ตรงต่อเวลา ให้ความร่วมมือในภารกิจและอุทิศเวลาให้กับราชการ ประกอบด้วย 1. นางสาวลักขณา ตุ่มสียา พนักงานทั่วไป (กวาด) ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ 2. นางสาวจันทร์จิรา เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พนักงานทั่วไป (กวาด) ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ 3. นายประยุทธ์ พึ่งย้อย พนักงานสวนสาธารณะ ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ 4. นายประสงค์ ฉายแสง พนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ และ 5. นายประทีป เทียนทอง พนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) ฝ่ายโยธา

นอกจากนี้ สำหรับเมนูอาหารวันนี้ ได้แก่ ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวคลุกกะปิ อาหารว่างและเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยระหว่างมื้ออาหาร นายชัชชาติได้พูดคุยกับพนักงาน​โดยสอบถามเรื่องความปลอดภัยระหว่างทำงาน​ สวัสดิการเงินชดเชยหากเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต พร้อมแนะนำถึงสวัสดิการของ กทม. อาทิ การเบิกค่ารักษาพยาบาลให้ตนเองหรือสามีภรรยาและพ่อแม่ ทุนการศึกษาให้บุตร​ เป็นต้น​ นอกจากนี้ ได้สอบถามถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว ประวัติการทำงานเรื่องการเงิน รายได้ การทำงานและเรื่องทั่วไป อาทิ ที่พักอาศัย ชีวิตครอบครัวปัญหาจากการทำงาน รวมทั้งพูดคุยถึงความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่และพื้นที่ที่ปฏิบัติงาน พร้อมให้กำลังใจในการทำงานอีกด้วย .