เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พล.ต.จรัส ปัญญาดี รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่บ้านห้วยบอน หมู่ที่ 13 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อเข้าพื้นที่ตอนใน จึงได้จัดกำลังร่วมกับหน่วยปราบปรามยาเสพติด (นปส.ฝาง กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.) ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 334, กองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนเฝ้าติดตาม

กระทั่งต่อมาได้ตรวจพบรถกระบะต้องสงสัย ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเขียว ทะเบียน บธ 5485 พะเยา ออกมาจากพื้นที่เฝ้าตรวจ บริเวณบ้านห้วยมะยม มุ่งหน้าไปทางบ้านห้วยบอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตามที่ได้สืบทราบมาจากแหล่งข่าว จึงจัดกำลังไล่ติดตาม และสกัดกั้น โดยรถยนต์คันดังกล่าวได้ใช้ความเร็วหลบหนี ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้บริเวณลานข้างศูนย์พัฒนาปิโตรเลียม ต.แม่คะ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จึงเข้าตรวจค้น ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกระเป๋าเป้สะพายสีเขียว จำนวน 17 เป้ และกระสอบสายรุ้ง จำนวน 1 กระสอบ ภายในบรรจุไอซ์ รวม 281 ถุง น้ำหนักประมาณ 281 กก. และไม่พบผู้ต้องหา หน่วยจึงได้ประสานหน่วยในพื้นที่ ขยายผลสกัดกั้นเส้นทาง

ผลจากการสกัดกั้นตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี ก็ได้รับการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจแก่งปันเต๊า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ว่าได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วจำนวน 2 ราย คือ นายเก่ง ปิงยศ อายุ 36 ปี นายนิกร อินทร์จันทร์ อายุ 37 ปี ทั้งคู่คน จ.พะเยา พร้อมของกลาง รถกระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีดำ ทะเบียน กท 3340 พะเยา ซึ่งได้ใช้ยานพาหนะอีกคันหวังจะหลบหนีออกจากพื้นที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเอาไว้ได้

เบื้องต้นได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนและยืนยันว่าเป็นชุดเดียวกันกับที่ทิ้งยาเสพติดและหลบหนีดังกล่าว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งให้กับหน่วยปราบปรามยาเสพติด (นปส.ฝาง กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับไอซ์ลอตดังกล่าวนั้น หากหลุดรอดไปยังประเทศที่สาม ปลายทางของยาเสพติดแล้ว อาจจะทำให้มีมูลค่าสูงนับพันล้านบาทเลยทีเดียว.