กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวชวนปวดหัวของเรื่องผัวๆ เมียๆ ที่ประเทศอินเดีย ที่ทำเอาชาวเน็ตที่ได้รู้เรื่องราวต่างปวดหัวไปตามๆ กัน ภายหลังจากที่แฟนเพจชื่อดังอย่าง@Around the World ได้เผยข้อความระบุว่า “สื่ออินเดียตีแผ่เรื่องราวความรักสุดชุลมุน เมื่อหญิงรายหนึ่งตัดสินใจทิ้งสามีหนีตามชู้ไป ส่วนฝ่ายสามีก็ “แก้แค้น” ด้วยการไปแต่งงานกับ “เมีย” ของผู้ชายคนนั้นอีกทีหนึ่ง”

นีราช (Neeraj) และ รูบี เทวี (Rubi Devi) คู่สามีภรรยาจากรัฐพิหาร แต่งงานอยู่กินกันตั้งแต่ปี 2009 จนมีลูก 4 คน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ นีราช จับได้ว่าภรรยาของเขาแอบไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นที่ชื่อ มูเกช (Mukesh) แม้ นีราช จะพยายามขอร้องให้ภรรยาเลิกกับชู้เสีย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็แอบหนีตามกันไปเมื่อปีที่แล้ว แถมยังไปแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่ฝ่ายหญิงก็ยังมีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่

นีราช ตัดสินใจไปขอคำปรึกษาจากสภาผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่เขตคากาเรีย (Khagaria) ซึ่งได้มีการเรียกประชุมพิเศษเพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ทว่า มูเกช และ รูบี ก็ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของชุมชน และยังคงพากันหลบหนีไปเรื่อยๆ

อันที่จริงเรื่องคู่รักหนีตามกันเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในอินเดีย และส่วนใหญ่ฝ่ายที่ถูกทิ้ง ก็มักจะ “มูฟออน” หรือไม่ก็รอจนกว่าอีกคนจะสำนึกและยอมกลับมาเอง ทว่า นีราช เลือกวิธีแก้เผ็ดที่สะใจกว่านั้น เพราะเขารู้ว่า มูเกช เองก็มีภรรยากับลูก 2 คนอยู่แล้ว แถมเธอยังชื่อ “รูบี” เหมือนกันเสียด้วย เมื่อรู้แน่ว่า ภรรยาคงไม่กลับมา นีราชจึงตัดสินใจไปขอเมีย มูเกช แต่งงานเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งพิธีแต่งงานของทั้งคู่ ก็ได้กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ จนมีสื่อไปขอสัมภาษณ์มากมาย

นีราช กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือเมียเก่าของ มูเกช เล่าให้สื่อ India Today ฟังว่า ทั้งคู่เริ่มจากการ “ปรับทุกข์” กันทางโทรศัพท์ และปลอบใจซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นความรักขึ้นมา นีราช ยังยอมรับลูกๆ ของ รูบี ที่เกิดจาก มูเกช เป็นลูกของเขาเอง เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายหนึ่ง พาลูก 3 คนของเขาหนีไปพร้อมกับภรรยา (ลูกสาวคนหนึ่งยังอยู่กับนีราช) เนื่องจาก นีราช ได้ไปแจ้งความกับตำรวจว่า มูเกช ลักพาตัวภรรยาของเขาไป เวลานี้ มูเกช จึงยังถือเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีคดี

ชาวเน็ตที่ได้อ่านเรื่องราวของ 2 สามีภรรยาคู่นี้ ต่างแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา โดยบางคนบอกว่าสงสารเด็กๆ ที่ป่านนี้คงจะสับสน ไม่รู้จะเรียกใครเป็นพ่อเป็นแม่ดี…

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Around the World,@odditycentral