สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า คณะรัฐมนตรีสวิตเซอร์แลนด์จัดการประชุมวาระพิเศษ ร่วมกับธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ( เอสเอ็นบี ) และสำนักงานตรวจสอบทางการเงินแห่งชาติ ( ฟินมา ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยเพียงว่า เป็นการหารือเกี่ยวกับ “สถานการณ์ของเครดิต สวิส”


ทั้งนี้ เอสเอ็นบี เตรียมอนุมัติความช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง ให้เครดิต สวิสกู้ยืมเป็นวงเงินสูงสุด 50,000 ล้านฟรังก์สวิส ( ราว 1.8 ล้านล้านบาท ) หลังซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย และถือหุ้นในเครดิตสวิสด้วยสัดส่วน 9.9% ปฏิเสธให้เงินทุนเพิ่ม เนื่องจากจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของตัวเองเกิน 10% ซึ่งผิดกฎหมายการตลาด


อย่างไรก็ตาม รานงานวิเคราะห์โดย เจพีมอร์แกน เชส หนึ่งในวาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลกจากสหรัฐ ระบุว่า การที่เครดิต สวิส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่อันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์ ขอรับความช่วยเหลือจากเอสเอ็นบีเพียงแห่งเดียว “ไม่พอในระยะยาว” สำหรับการรักษาเสถียรภาพของเครดิต สวิส และการที่ภาครัฐหรือสถาบันการเงินแห่งอื่น เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ “คือหนทางเป็นไปได้มากที่สุด” โดยมีการเอ่ยถึง “ยูบีเอส” หรือ ยูเนียน แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์


ด้าน นายอัมมาร์ อัล คูไดรี ประธานซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ กล่าวถึงสถานการณ์ของเครดิต สวิส ว่าตอนนี้ภาคการธนาคารโลกอยู่ในช่วงขาลง และการ “หาข้ออ้าง” เป็นเรื่องปกติ แต่โดยส่วนตัวเขามองว่า “เป็นการแสดงออกอย่างไม่มีเหตุผล และตื่นตระหนกเกินไป” ไม่ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเครดิต สวิส หรือธนาคารแห่งใดก็ตาม


ทั้งนี้ คูไดรี ยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ เครดิต สวิส ยังไม่เคยประสานงานเพิ่มเติม เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ และเน้นว่า ไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้ “ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว” พร้อมทั้งย้ำว่า ซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ จะไม่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในเครดิตสวิสมากไปกว่าที่มีอยู่.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES