หากจะกล่าวว่า “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า Blackpink” ศิลปินชื่อดังระดับโลกคือตัวแทนของคน “ช่างฝัน” ก็คงไม่ผิด เพราะเธอมีไฟในฝันของตัวเองและใช้ความมุ่งมั่นพยายามและอดทนเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จดังที่เห็นในทุกวันนี้

ลิซ่าอาจจะไม่ใช่คนที่ไอดอลที่คนทุกคนบนโลกนี้ต้องชื่นชอบทุกคน ย้ำว่าทุกคน แต่เชื่อว่าถ้าใครได้รู้จักและเห็นถึงความพยายามของเธอในไล่ล่าฝัน เชื่อว่าทุกคนจะต้องประทับใจ เพราะลิซ่าคือตัวแทนของคนที่ไม่ปล่อยให้ฝันเป็นฝันอีกต่อไป เมื่อเธอรู้ว่าเธอชอบการเต้นและมีแรงบันดาลใจในการก้าวไปเป็นซูเปอร์สตาร์ เธอก็ใช้ความเพียรพยายามของตนเองมุ่งมั่นฝึกฝนให้ตัวเองเข้าใกล้ความฝันของเธอมากที่สุด

จนวันที่ วายจีเอ็นเตอร์เมนต์ต้นสังกัดของเธอพาเธอมาฝึกหนักและให้เธอเดบิวต์เป็นศิลปินที่ทุกคนรู้จักและรักดังเช่นทุกวันนี้ ลิซ่าไม่เคยใช้ “โอกาส” อย่างสิ้นเปลือง แต่เธอเลือกที่จะ “เข้าหาโอกาส” และใช้โอกาสนั้นในการพัฒนาตัวเองจนเป็นลิซ่าเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเพื่อทุกๆ คนที่รักเธอ

ลิซ่าเคยให้สัมภาษณ์ในรายการวู้ดดี้โชว์ ที่ออนแอร์วันที่ 11 กันยายน 64 แบบเฟซไทม์กับ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรดัง โดยมีบางช่วงบางตอนลิซ่าพูดถึงความฝันของตนเองในวัยเด็กไว้ได้อย่างน่าประทับใจมากๆ เธอบอกว่า “ความท้าทายเดินตามฝันคนเดียวที่เกาหลี สำหรับหนูตอนเด็กๆ ท้าทายหลายอย่างมากๆ เพราะว่าเราต้องมาอยู่คนเดียว ต้องตัดสินใจคนเดียว ใช้เงินคนเดียว คือไม่เคยทำอะไรเลย แล้วหนูติดแม่มากๆ เลย บางทีเราเหนื่อยก็อยากจะไปอ้อนแม่แต่ทำไม่ได้ เราก็ทำได้แค่ Call VDO อย่างเดียว แล้วก็เรื่องภาษาด้วยค่ะมันยาก เราพูดไม่รู้เรื่อง เรื่องคุยกับพ่อแม่ Everyday ทุกๆ วันเลยค่ะ หลังเลิกซ้อมเราจะต้องอัปเดตแม่แล้ว วันนี้เราทำอะไรบ้าง เรียนเพลงอะไรบ้าง เอาจริงๆ ที่คนรักหนูเยอะไม่เคยคิดค่ะ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาเป็นหนูได้อย่างทุกวันนี้ คือตอนนั้นด้วยความที่เรารู้สึกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่พอมาถึงจุดๆ นี้มันใหญ่กว่าที่เราคิด”

“อยากจะบอกเลยว่าหนูเริ่มด้วยการเป็นเด็กบุรีรัมย์ อย่างที่บอกในตอนแรกว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาอยู่จุดๆ นี้ได้ แต่หนูรู้สึกว่าความฝันของเด็กๆ Powerful เป็นอะไรที่มาจากใจเขาจริงๆ เลยคิดว่าคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองถ้าเกิดว่ามีโอกาสหรือสามารถสนับสนุนเขาให้ไปตามฝันได้ หนูอยากจะให้คุณพ่อคุณแม่สู้ด้วยเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่น้องๆ อย่างเดียว เป็นด้วยสภาพแวดล้อมของเด็กๆ ด้วย ที่จะทำให้เขาสามารถไปถึงจุดๆ นั้นได้ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าคิดว่าการที่เราฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ บางคนอาจจะ ห้ะ! ยูเหรอ? อย่าไปฟังเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราทำได้อยู่แล้วค่ะ”

จริงๆ จากบทสัมภาษณ์ของสาวลิซ่าอาจจะกล่าวได้ว่าคุณแม่ของเธอคือ “รากฐาน” สำคัญที่ทำให้เธอมีวันนี้ก็ไม่ผิด เพราะคุณแม่คือคนที่คอยซัพพอร์ตความฝันของสาวลิซ่าให้เกิดขึ้นจริง คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเคียงข้างทุกๆ ความท้อแท้ของเธอ ผลักดันให้เธอลุกขึ้นสู้เพื่อพิชิตฝันของตัวเองให้ได้

ดังนั้น ใครที่มีความฝันอยู่อย่าปล่อยให้ฝันนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน เป็นเพียงสายลมเลยผ่านที่เราแค่ “อยาก” เป็นแล้วก็ปล่อยไปโดยไม่ได้ “พยายาม” เพราะไม่อย่างนั้น “ความฝันก็ยังคงเป็นความฝัน” อยู่วันยันค่ำไม่มีทางเป็นเรื่องจริง แต่จงใช้ “ลิซ่า” เป็นต้นแบบเป็นแบบอย่างที่เตือนตัวเองให้รู้ว่า “ไม่มีใครบนโลกนี้ทำตามความฝันของคุณไม่ได้ ถ้าคุณมีความพยายามมากพอ”

ใช้ชีวิตให้ความสุข ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจและพยายามดึงฝันของเรามาอยู่ในมือให้ได้นะคะ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก lalalalisa_m