สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ ยอมรับ “ความพยายามที่ยาวนานร่วมศตวรรษ” ของทั้งสองประเทศ ในการกำจัดโรคนี้ โดยเขากล่าวว่า นี่คือข้อพิสูจน์เพิ่มเติม ซึ่งทำให้เห็นว่า ด้วยทรัพยากรที่เหมาะสม และความมุ่งมั่นทางการเมือง การกำจัดโรคมาลาเรียจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ตามข้อมูลของดับเบิลยูเอชโอ ประเทศที่จะได้รับการรับรองว่า “ปลอดมาลาเรีย” ต้องแสดงให้เห็นว่า วงจรการแพร่เชื้อมาลาเรียพื้นเมืองโดยยุงก้นปล่อง หยุดชะงักทั่วประเทศนั้น ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน และต้องมีความสามารถในการป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำอีกด้วย
Azerbaijan & Tajikistan are now certified #malaria-free by WHO!
— WHO/Europe (@WHO_Europe) March 26, 2023
This achievement has been possible thanks to sustained political investment and the dedication of the health workforce, together with targeted prevention, early detection and treatment of all malaria cases. pic.twitter.com/NNC6i3CYKX
ผู้ป่วยติดเชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียม ไวแว็กซ์ (พีวี) คนสุดท้ายของอาเซอร์ไบจาน ถูกตรวจพบเมื่อปี 2555 ขณะที่ทาจิกิสถาน พบผู้ป่วยคนสุดท้ายในอีก 2 ปีต่อมา โดยทั้งสองประเทศมีระบบเฝ้าระวังโรคมาลาเรียแบบอิเล็กทรอนิกส์ระดับชาติ
ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ในปัจจุบัน มีประเทศปลอดโรคมาลาเรียที่รับรองโดยดับเบิลยูเอชโอ รวมทั้งหมด 41 ประเทศ และ 1 ดินแดน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนข้างต้น อยู่ในภูมิภาคยุโรป
นอกจากนี้ ดับเบิลยูเอชโอ ยังยอมรับความพยายามของอาเซอร์ไบจาน และทาจิกิสถาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการลงทุนที่ยั่งยืน และการทุ่มเทของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ควบคู่ไปกับการป้องกันที่ตรงเป้าหมาย ตลอดจนการตรวจหา และการรักษาผู้ป่วยโรคมาลาเรียทุกคนตั้งแต่เนิ่น ๆ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES