สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า ศาลฎีกามาเลเซียมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เสียง ยกคำร้องของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งขอให้มีการรื้อฟื้นการสืบสวนสอบสวน คดีการยักยอกเงิน 42 ล้านริงกิต (ราว 325 ล้านบาท) จากเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนย่อยของกองทุนพัฒนาแห่งชาติ (วันเอ็มดีบี) และศาลสูงสุดพิพากษา เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ยืนตามชั้นต้น ให้นาจิบรับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี จากความผิดดังกล่าว


คำพิพากษาของคณะตุลาการระบุว่า กระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ศาลชั้นต้น “เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย” และการรับพิจารณาคำร้องของอดีตนายกรัฐมนตรี “ถือเป็นกรณีพิเศษแล้ว”


มติดังกล่าวของศาลฎีกาถือเป็นอันสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำมาเลเซียยังคงเหลืออีกหนึ่งหนทาง ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้น ที่อาจทำให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำจนครบกำหนด นั่นคือ การยื่นฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษ จากสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ อาหมัด ชาห์

ทั้งนี้ นาจิบยื่นฎีกาผ่านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยคณะองคมนตรีจะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดทั้งหมดในฎีกา แต่อาจมีการขอคำปรึกษา หรือความเห็นจากรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม คู่ปรับทางการเทืองของนาจิบ


อนึ่ง นาจิบ วัย 69 ปี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย ซึ่งต้องเข้าสู่เรือนจำจากความผิดฐานคอร์รัปชั่น โดยคดีของเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นคดีแรกจาก “อีกหลายสิบคดี” ของวันเอ็มดีบี ที่นาจิบเป็นผู้ก่อตั้ง สมัยยังดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ซึ่งอัยการสูงสุดของมาเลเซีย กล่าวหาอดีตผู้นำประเทศ ยักยอกเงินรวมแล้วมากกว่า 18,000 ล้านริงกิต (ราว 139,472 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2552-2561.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES