สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่า รัสเซียทำหน้าที่ประธานหมุนเวียนประจำเดือน เม.ย. ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เมื่อวันเสาร์ โดยเป็นตำแหน่งที่หมุนเวียนกันตามกฎของยูเอ็นเอสซี ระหว่างสมาชิกถาวร 15 ประเทศ และการปฏิบัติหน้าที่มีขอบเขตอำนาจจำกัดตามขั้นตอนและเงื่อนไขของยูเอ็นเอสซี
????️On 1 April, #Russia assumes the rotating Presidency of the UN Security Council. Here is the program for the first working day of the month. #RussiaPresidency #UNSC #SecurityCouncil #UNSCPresident pic.twitter.com/psL7IKBei3
— Russia at the United Nations (@RussiaUN) April 1, 2023
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนักว่า “เลวร้ายอย่างมาก”เนื่องจากเหตุการณ์โจมตีด้วยปืนใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ส่งผลให้ทารกเพศชาย วัย 5 เดือน เสียชีวิต และเรียกร้องการปฏิรูปยูเอ็นอย่างจริงจังกว่านี้ โดยเฉพาะการปฏิรูปโครงสร้างของยูเอ็นเอสซี
อนึ่ง รัสเซียทำหน้าที่ประธานยูเอ็นเอสซีครั้งล่าสุดก่อนหน้า เมื่อเดือน ก.พ. 2565 และเมื่อช่วงปลายเดือนเดียวกัน รัฐบาลมอสโกเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
Russian UNSC presidency is a slap in the face to the international community. I urge the current UNSC members to thwart any Russian attempts to abuse its presidency. I also remind that Russia is an outlaw on the UNSC: https://t.co/rZVC1pV0MY#BadRussianJoke #InsecurityCouncil
— Dmytro Kuleba (@DmytroKuleba) April 1, 2023
ด้าน นายดมิโทร คูเลบา รมว.การต่างประเทศยูเครน กล่าวว่า การดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนยูเอ็นเอสซีของรัสเซีย “เป็นการตบหน้าประชาคมโลกอย่างรุนแรง” เนื่องจากเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ( ไอซีซี ) ออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ฐานก่ออาชญากรรมสงคราม ด้วยการอยู่เบื้องหลังการ “เนรเทศอย่างผิดกฎหมาย” หรือการลักพาตัวเด็กในยูเครน
ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง” การทำหน้าที่ของรัฐบาลมอสโก แต่รัฐบาลวอชิงตันขอเรียกร้องอีกฝ่าย ให้ปฏิบัติหน้าที่ “ด้วยความเป็นมืออาชีพ” ส่วน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า “จะใช้สิทธิและรักษาสิทธิของตัวเอง”.
เครดิตภาพ : REUTERS