สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า กองทัพสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จัดการซ้อมรบต่อต้านเรือดำน้ำ เป็นเวลา 2 วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ โดยการซ้อมรบเกิดขึ้นในเขตน่านน้ำสากล นอกชายฝั่งเกาะเชจู อยู่ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ซึ่งสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ “ยูเอสเอส นิมิตซ์” เข้าร่วม
ทั้งนี้ กองทัพทั้งสามประเทศจัดการซ้อมรบร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยในช่วงเวลานั้น เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การซ้อมรบครั้งนี้ จะเป็นการฝึกซ้อมต่อต้านเรือดำน้ำ ผ่านระบบที่ควบคุมจากระยะไกล เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการตรวจจับ ติดตาม และทำลาย “ภัยคุกคามใต้น้ำจากเกาหลีเหนือ”
On-point: Maritime drills between South Korea, U.S., Japan kick off today#Maritime_drills #maritime_exercises #NorthKorea #joint_military_drill #한미일 #해상훈련 #북한 #Arirang_News #아리랑뉴스 pic.twitter.com/FBl7ccT85Z
— Arirang News (@arirangtvnews) April 3, 2023
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีใต้และพันธมิตร เกิดขึ้นหลังกองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) ประกาศความสำเร็จ เมื่อช่วงต้นเดือนที่แล้ว เกี่ยวกับการทดสอบยิง “ขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธศาสตร์” 2 ลูก ออกจากเรือดำน้ำชื่อ “8.24 ยอนกุง” ซึ่งลอยลำอยู่บริเวณพื้นที่แห่งหนึ่ง ขีปนาวุธทั้งสองลูกเคลื่อนที่อยู่ในอากาศได้นานประมาณ 125 นาที ก่อนสามารถโจมตีเป้าหมายจำลอง ที่อยู่ห่างออกไปราว 1,500 กิโลเมตร “ได้อย่างแม่นยำ”
แม้รายงานของเคซีเอ็นเอ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ขีปนาวุธนั้นคือรุ่นอะไร แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อใดก็ตามที่เกาหลีเหนือใช้คำแทนขีปนาวุธว่า “อาวุธทางยุทธศาสตร์” หมายความว่า ขีปนาวุธที่ใช้ในปฏิบัติการนั้น เป็นอาวุธซึ่งสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ และรัฐบาลเปียงยาง “บอกใบ้” จากการเปิดเผยชื่อเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นเรือดำน้ำเพียงลำเดียว “อย่างเป็นทางการในตอนนี้” ของเกาหลีเหนือ ที่มีศักยภาพติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์.
เครดิตภาพ : REUTERS