ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.สมุทรสงคราม ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม นายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการธรรมาภิบาล จ.สมุทรสงคราม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.สมุทรสงคราม (ก.ธ.จ.) นัดแรกหลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ครบวาระ เพื่อติดตามโครงการตามแผนการปฏิบัติราชการประจำปี 2566 และโครงการตามแผนการสอดส่องของ ก.ธ.จ. เช่นโครงการปรับปรุงถนนคันทางสายคลองโคน-บ้านบางตะบูน ต.คลองโคน อ.เมืองสมุทรสงคราม งบประมาณ 56 ล้านบาท ปัจจุบันได้เบิกจ่ายแล้วครั้งที่ 1 จำนวน 12,319,977 บาท กำลังทำเรื่องเบิกจ่ายครั้งที่ 2 จำนวน 19,772,200 บาทและวางแผนเบิกจ่ายครั้งที่ 3 จำนวน 13,406,800 บาท
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการได้สอบถามถึงการรับประกันงานก่อสร้างว่ามีอายุกี่ปี และการเสริมคันดินจะมีโอกาสทรุดตัวหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่ ต.คลองโคน เป็นพื้นที่น้ำเค็ม ซึ่งแขวงทางหลวงชนบทสมุทรสงคราม หน่วยดำเนินงานแจ้งว่า บริษัทรับเหมาก่อสร้างจะรับประกันงาน 2 ปี และการเสริมคันดินต้องใช้เวลาเซตตัว 2 ปี ก่อนจะของบประมาณเพื่อลาดยางถนนต่อไป ส่วนปัญหาพื้นที่น้ำเค็มนั้น โครงการดังกล่าวได้ใช้วัสดุไม้ไผ่ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน แทนเหล็กวางโครงพื้นที่อาจถูกกัดเซาะด้วยน้ำเค็มได้มากกว่า และตอกเข็มแบบสไลด์ โดยใน 2 ปี ผู้รับจ้างจะดำเนินการซ่อมแซมให้หากเกิดการชำรุด หากเกินระยะเวลา 2 ปี จะเป็นความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงชนบทสมุทรสงคราม
นายพีระ กล่าวว่า คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด มีอํานาจหน้าที่ในการสอดส่องการบริหารงานของจังหวัดให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี กรณีแผนงานโครงการใดที่มีการดําเนินงานใน จ.สมุทรสงคราม คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดก็สามารถจะสอดส่องได้ทุกโครงการ โดยหลักการทั่วไปของคณะกรรมการธรรมาภิบาล ต้องการจะส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีการดําเนินการให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีความถูกต้อง โปร่งใส และคุ้มค่า รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้โครงการต่างๆ ทำแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ส่วนประเด็นสําคัญของคณะกรรมการธรรมาภิบาล คือ คณะกรรมการทุกท่าน จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่อยู่ในจังหวัดนั้น และผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน มาจากภาคประชาสังคม ภาคท้องถิ่น และภาคเอกชน การทํางานของคณะกรรมการแต่ละปีจะมีการกําหนดแผนก่อน มีการคัดเลือกแผนงานโครงการที่จะไปสอดส่อง แล้วมีการแจ้งให้หน่วยงานต่างๆ รับทราบ โดยก่อนเริ่มโครงการจะเชิญหน่วยงานมาให้ข้อมูล นําเสนอรายละเอียด ระหว่างดําเนินการคณะกรรมการจะลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ว่าโครงการมีลักษณะอย่างไรบ้าง อาจจะมีผลกระทบ มีปัญหา อุปสรรคต่างๆ อย่างไร หรือคณะกรรมการมีข้อคิดเห็น มีข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์แก่โครงการ อีกทั้ง เมื่อโครงการใกล้จะแล้วเสร็จหรือเสร็จแล้วก็ไปติดตามอีกครั้งว่าผลสําเร็จเป็นไปตามที่หน่วยงานต่างๆ วางแผนไว้หรือไม่
สำหรับการทำงานของ ก.ธ.จ.คือ การป้องปราม เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีการทํางานที่มีจิตสํานึก มีธรรมาภิบาล เพื่อให้ภาคประชาชนมีความเชื่อมั่นในผลงานที่ภาครัฐดําเนินการ โดยคณะกรรมการจะวางตัวเป็นกลางจึงขอให้ทุกหน่วยงายให้ความร่วมมือด้วย อย่างไรก็ตามคณะกรรมการธรรมาภิบาลมีวาระการทํางานครั้งละ 3 ปี เมื่อครบกําหนดก็มีการสรรหาใหม่ ส่วนการทํางานจะเชื่อมโยงกับหน่วยตรวจสอบอื่น มีการทํา MOU ร่วมกัน กรณีคณะกรรมการได้รับข้อมูลหรือได้รับเบาะแสที่เพียงพอว่าจะส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใส คณะกรรมการจะประชุมแล้วมีมติส่งข้อมูลให้กับหน่วยตรวจสอบต่างๆ ได้ เช่น ปปช. ปปท สตง.หรือดีเอสไอ ที่จะรับข้อมูลไปดําเนินการตรวจสอบต่อไป