น.ส.แคลร์ อมาดอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำประเทศไทย และฟิลิปปินส์ ของเมตา เปิดเผยว่า เมตา ได้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกแซงและสนับสนุนความโปร่งใสในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญ ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งของคนไทย และลดความเสี่ยงในการแทรกแซงกระบวนการการ เลือกตั้งบนแพลตฟอร์มของเรา

โดย เมตา พร้อมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้คนทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ผ่านการจัดสรรทรัพยากรบุคคลกว่า 40,000 อัตรา ในการทำงานเชิงรุกด้านความปลอดภัยและความมั่นคงไซเบอร์ และในปี 64 บริษัทได้ลงทุนด้วยงบ ประมาณมูลค่าราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับการแทรกแซงจากต่างชาติ และขบวนการสร้างอิทธิพลภายในประเทศ รวมไปถึงการลดปริมาณข้อมูลเท็จและต่อสู้กับการสกัดกั้นผู้ใช้สิทธิ

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปในประเทศไทย เมตา ได้จัดเตรียมทีมงาน เพื่อดำเนินการด้านการเลือกตั้งโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อดังกล่าว ที่มีความเข้าใจ และคุ้นเคยกับบริบทในระดับท้องถิ่นของประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังประกอบด้วยพนักงานชาวไทยที่พูดภาษาไทยอีกด้วยเ พื่อจัดการกับภัยคุกคาม ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น ข้อมูลเท็จที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการสกัดกั้นผู้ใช้สิทธิ เมตา ได้ใช้เทคโนโลยี AI ที่เข้าใจภาษาท้องถิ่นเพื่อตรวจจับและกำจัดการสื่อสารที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) ในเชิงรุก รวมถึงการกลั่นแกล้ง (bullying) การล่วงละเมิด (harassment) และเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายความรุนแรง และการยั่วยุในมาตรฐานชุมชนของ เมตา พร้อมกับการดำเนินงานของผู้ตรวจสอบดูแลเนื้อหาที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ บนแพลตฟอร์มเป็นภาษาไทย

แคลร์ อมาดอร์

นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้เผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตรายหลายประเภทที่ส่งเสริมให้เกิดการแทรกแซง หรือสกัดกั้นการลงคะแนนเสียง เช่น การบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับวันที่ สถานที่ เวลา และวิธีการในการลงคะแนนเสียงหรือ การลงทะเบียนเลือกตั้ง หรือข้อเสนอในการซื้อขายเสียงด้วยเงินสด หรือของกำนัลต่างๆ โดยได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะ เพื่อตรวจสอบและยับยั้งความพยายามในการเข้าถึงผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มโดยมีวัตถุประสงค์ที่ไม่โปร่งใส

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ใช้เทคโนโลยีตรวจจับเพื่อตรวจหาและหยุดความพยายามในการสร้างบัญชีปลอมนับล้านบัญชี โดยบ่อยครั้งบริษัทสามารถตรวจเจอและลบบัญชีปลอมภายในเวลาไม่กี่นาที หลังจากที่บัญชีเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 65 มีบัญชีปลอมจำนวนกว่า 1.3 พันล้านบัญชี ที่ถูกลบออกไปจากแพลตฟอร์ม

และเพิ่มความโปร่งใสที่มากขึ้นในการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง การเมือง และประเด็นสังคม ในปัจจุบัน ผู้โฆษณาจะต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตที่ต้องยืนยันตนเองด้วยบัตรประชาชนพร้อมรูปภาพที่ออกบัตรโดยรัฐบาล และระบุข้อความ “ได้รับสปอนเซอร์จาก” บนโฆษณาของพวกเขา เพื่อให้ผู้คนในประเทศไทยรับ รู้ว่าใครเป็น ผู้สนับสนุนโฆษณาดังกล่าว

“เมตา เชื่อว่า ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรระดับท้องถิ่นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และได้จัดฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้แก่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรตรวจสอบการเลือกตั้ง องค์กรไม่แสวงผลกำไร และผู้สมัครเลือกตั้งต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย บริการ เครื่องมือความโปร่งใสด้านการโฆษณา และเครื่องมือที่ใช้ในการรายงาน รวมถึงการจัดอบรมให้กับทีมงานของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง การดำเนินงานดังกล่าวยังรวมถึงการพัฒนาทักษะความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างสังคมที่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงการผลักดันให้ผู้คนตระหนักและสามารถรับมือกับข้อมูลเท็จบนโลกออนไลน์ได้ดีขึ้น”

อิง ศิริกุลบดี

น.ส.อิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะ เฟซบุ๊ก ประเทศไทย จาก เมตา กล่าวว่า การทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าการเสริมสร้างสังคมดิจิทัล ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและครบถ้วน และการเชื่อมต่อผู้คนให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์จะต้องมาจากความพยายามร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาสังคม และภาครัฐ เรามีความมุ่งมั่นในการสานต่อโครงการเพื่อ ให้ความรู้และส่งเสริมทักษะความเข้าใจและการใช้งานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ชาวไทยเข้าใจนโยบาย ของเราได้ดียิ่งขึ้น และใช้พลังของเทคโนโลยีเพื่อการมีส่วนร่วม