จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และจอมแฉชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ระบุถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่าง ทนายความชื่อดัง และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายหนึ่ง อายุ 50 ปี ชื่อเล่นย่อ ‘ท.’ ที่เพิ่งมีคดีเกี่ยวพันกับบ้านกงสุลแถวสาทร โดยกล่าวพาดพิงว่า ทั้งคู่ร่วมกันหุ้นทำเว็บพนันออนไลน์ชื่อ “เฮงเกม (HengGame)” ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่ ศูนย์คดียาเสพติด ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงข่าวที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย ส่วนตอนนี้อยู่ระหว่างเฝ้าติดตามข้อมูล แต่จะค้นหาความจริงไปพร้อมกันว่ามีข้อมูลเบื้องหน้า-เบื้องหลังอย่างไร และคนที่เกี่ยวข้องมีพยานหลักฐานชัดเจนหรือไม่ และอยากฝากว่าหากบุคคลใดมีพยานหลักฐานข้อมูลก็สามารถส่งเข้ามาได้เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอไปเกี่ยวข้อง ตนยังรับฟังข้อมูลคล้ายๆ กับที่สื่อได้รับฟังว่ามีการกล่าวอ้างในเรื่องนี้

“อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าให้ข้อมูลในเรื่องนี้ได้ เพราะเรื่องนี้ตนคาดว่านายชูวิทย์คงได้รับข้อมูลมา แต่คนที่เกี่ยวข้องจริงๆ ก็อยากให้ออกมาให้ข้อมูล ทางเราจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นก็เป็นแค่ข่าวสารที่ปรากฏทั่วไป แต่ขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลอะไรที่ชัดเจนมากนัก” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ

เมื่อถามว่า ต้องขอความร่วมมือจากนายชูวิทย์เพื่อเข้าให้ข้อมูล นำไปสู่การตรวจสอบหรือไม่นั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า คงไม่หรอก เนื่องจากในทุกเรื่องตนได้ประสานเบื้องต้นไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องมีรายชื่อ ทั้งคนให้ข้อมูล ทั้งคนที่เกี่ยวข้องพาดพิง ตนพยายามค้นหาความจริงคู่ขนานอยู่แล้ว หากบุคคลใดมีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นก็จะดำเนินการพิจารณาต่อไป ซึ่งตั้งแต่ที่นายชูวิทย์ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กในเรื่องดังกล่าว ก็ยังไม่ได้มีการประสานมาทางกรมสอบสวนคดีพิเศษแต่อย่างใด

ต่อข้อถามว่า การที่นายชูวิทย์ระบุว่า บุคคลนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีค้นบ้านพักนาอูรูก่อนหน้านี้ ส่งผลต่อองค์กรอย่างไร พ.ต.ต.สุริยา ยอมรับว่า ผลกระทบมันมีอยู่แล้ว พี่น้องประชาชนก็อาจจะมองในเรื่องของความเชื่อมั่นต่อดีเอสไอ แต่เราก็เปิดโอกาสให้ทุกคนที่ทราบเบาะแสว่าเจ้าหน้าที่ของเราได้มีการกระทำความผิดได้กรุณาแจ้งข้อมูลเข้ามา จึงคิดว่าเบาะแสที่เป็นข่าว ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เราพยายามเปิดบ้านให้ทุกคนเข้ามาตรวจสอบ ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราพร้อมตรวจสอบทุกประเด็น ทั้งนี้ หากปรากฏข้อเท็จจริงตามนั้น ก็จะมีกระบวนการตรวจสอบ ทั้งการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย เป็นต้น ผิดจริงก็คงไม่ละเว้น