เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศเอก สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 ผู้เชิญแจกันดอกไม้และกระเช้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้แก่ นายวีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ หลังหมดสติล้มลง และหัวใจหยุดเต้น ขณะลงทำการแข่งขันฟุตบอลสร้างความสัมพันธ์กับสโมสรตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาในสมัยดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นผู้ขับเคลื่อนงานจิตอาสาของกระทรวงศึกษาธิการ มาอย่างเข้มแข็ง มีผลงานเชิงประจักษ์ ทำให้งานจิตอาสาพระราชทานเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ

ทั้งในอดีต นายวีระ แข็งกสิการ ยังเป็นจิตอาสาพระราชทานที่มีผลงานนอกจากเป็นแกนนำจิตอาสากระทรวงศึกษาธิการแล้ว ยังเป็นบุคคลที่สร้างผลงานการทำดีถวายในหลวงอย่างต่อเนื่องเสมอมา ที่ผ่านมาได้จัดโครงการช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เช่น โครงการสร้างบ้าน 86 หลังถวายในหลวง ซึ่งสร้างบ้านให้นักเรียนฯ กว่า 150 หลัง โครงการมอบจักรยานช่วยเหลือนักเรียนกว่า 2,000 คัน ตามแนวทาง bike for dad โครงการมอบทุนการศึกษานักเรียนยากจนถวายพ่อของแผ่นดิน ปีละ 1 ล้านบาท จำนวนหกปีติดต่อกัน เป็นต้น
นายวีระ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นรวดเร็วมาก และเป็นเหตุการณ์วิกฤติที่สุดในชีวิตคนคนหนึ่ง หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ทันท่วงทีจากผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างถูกต้อง และคนผู้นั้นก็ต้องมีจิตใจของความเป็นผู้เสียสละ ทำความดีด้วยหัวใจอีกด้วย

ขณะที่เหตุการณ์วิกฤติอยู่นั้น มีทีมจิตอาสาพระราชทาน ได้วิ่งเข้ามาทำการช่วย เหลืออันได้แก่ ทีมจิตอาสาพยาบาล จากสำนักงานตำรวจตระเวนชายแดน อันประกอบด้วย ร.ต.อ.หญิง สุธาสินี มีอาษา รองสว.ฝสสน.5 บก.สสน.บช.ตชด., ร.ต.ท.หญิง ธมลวรรณ ชนะเกียรติ รอง สว.ฝสสน.5 บก.สสน.บช.ตชด. และส.ต.อ.ภูริวัชร์ ภูสิงห์ ผบ.หมู่ ฝสสน.5 บก.สสน.บช.ตชด. นอกจากนี้มีประชาชนจิตอาสาที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เข้ามาร่วมปฏิบัติภารกิจจิตอาสาด้วย คือ นางพิมพ์ลภัส สุทธิพร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปัจจุบันทำงานที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบึงคำพร้อย และ น.ท.หญิง ศตภร ศรประดิษฐ์หน.ผปผ.กยส.สยฝ.ยก.ทอ.
อีกทั้งยังมีทีมนักกายภาพบำบัดประจำสนามที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้อันประกอบด้วย นายชญานนท์ เจริญกาศ (ทำ CPR), นายชนาธิป ฟองฟู, นายชลธาร แก้วหาวงษ์ และนายคมสัน เจริญสัตย์ นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลัง มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ซึ่งทุกคนผ่านการอบรมจิตอาสาพระราชทาน ทำความดีด้วยหัวใจ และมีหัวใจของจิตอาสาอย่างเต็มเปี่ยม นับว่าเป็นตัวอย่างของโครงการจิตอาสาพระราชทาน ที่ช่วยเหลือสังคมในภาวะวิกฤติ เป็นความโชคดีประเทศไทย ที่มีโครงการนี้อยู่ จิตอาสาพระราชทานได้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิต บุคคลในสภาวการณ์ต่างๆ และที่สำคัญที่สุดบุคคลคนนั้น ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างคุณงามความดีให้กับสังคมและประเทศชาติสืบไป” นายวีระ กล่าว