เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีอุ้มฆ่านักศึกษาชาวจีนจากพื้นที่ สน.ธรรมศาลา ก่อนจะไปพบศพของผู้เสียชีวิตในพื้นที่ สภ.บางแม่นาง ว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุในคดีดังกล่าวได้แล้วอีก 1 คน คือนกต่อหญิงสาวชาวไทย โดยนำกำลังไปจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ ( 4 เม.ย.) และได้นำตัวมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีของ สภ.บางแม่นาง และชุดสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

โดยหลังจากนี้ ทราบว่าจะมีการสอบปากคำผู้ต้องหารายล่าสุดอย่างละเอียดว่า มีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อีกหรือไม่ ซึ่งในการสอบสวนชั้นนี้เจ้าตัวยังไม่ได้ให้การพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นนอกเหนือจากชาวจีน 3 คน ที่ถูกจับกุมตัวได้ที่ประเทศจีน เมื่อช่วงไม่กี่วันนี้ ซึ่งทางการจีนอยู่ระหว่างการประสานงาน พาตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย หรืออาจเป็นการดำเนินคดีที่ประเทศจีนเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ก่อเหตุกับเพื่อนร่วมชาติ อีกทั้งโทษในประเทศจีน มีโทษค่อนข้างหนักสูงสุดถึงประหารชีวิต ซึ่งทางการจีนจะมีการประสานอีกทั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร

พ่อนศ.สาวจีนถูกเรียกค่าไถ่ สุดช้ำทำใจไม่ได้! ดูจุดเกิดเหตุแก๊งจีนโหดอุ้มฆ่า…

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาชาวไทยให้การว่า ตนเองเป็นต้นคิดในการก่อเหตุ และวางแผนอุ้มฆ่าเรียกเงินกับญาติของผู้เสียชีวิต เรื่องนี้พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะสามารถให้การใดๆ ก็ได้ แต่ตำรวจจะต้องตรวจสอบคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีพฤติการณ์ และความสามารถที่จะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวได้หรือไม่ อีกทั้งยังต้องตรวจสอบกับคำให้การของผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 3 คนซึ่งให้ไว้กับตำรวจที่ประเทศจีนด้วยว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ หรือเป็นการออกรับแทนบุคคลอื่น โดยคาดว่าทางการของประเทศจีนจะส่งข้อมูลการสืบสวนสอบสวนกลับมาให้ประเทศไทยได้ทราบในเร็ววันนี้

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ในสังกัดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปตรวจสอบคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชาวจีน และคดีอุ้มรีดทรัพย์หรือลักพาตัว ในห้วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันว่ามีคดีใดคั่งค้างอยู่ หรือมีลักษณะใกล้เคียงกับหลายคดีที่ผ่านมาหรือไม่ หากพบให้รีบรายงานข้อมูลกลับมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขณะนี้พบว่ามีคดีอุ้มรีดทรัพย์ชาวจีนเกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลประมาณ 3 คดี และสั่งรีแสกนชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยซึ่งอยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลทุกพื้นที่ ว่ามีบุคคลใดยังไม่ได้ตรวจสอบประวัติเฝ้าระวังย้อนหลังจากประเทศเพื่อนบ้านและจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย หากบุคคลใดมีประวัติหรือทำผิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศให้รีบดำเนินการตามขั้นตอนทันที