สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่า น.ส.เบียทริซ ฟลามินี นักกีฬาหญิง และนักปีนเขา ได้รับการกล่าวขานจากทีมสนับสนุนว่า เธอทำลายสถิติโลกของการใช้เวลาอยู่ในถ้ำนานที่สุด หลังฟลามินี เริ่มการท้าทายและเข้าไปในถ้ำเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2564 ด้วยอายุ 48 ปี และฉลองวันเกิด 2 ครั้ง อยู่ใต้ดินเพียงลำพัง

แม้รายงานของสื่อเกี่ยวกับการออกจากถ้ำมืด สู่แสงสว่างในฤดูใบไม้ผลิทางตอนใต้ของสเปนจะถูกจำกัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับฟลามินี แต่การออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของสเปน เผยให้เห็นว่า ฟลามินีสวมแว่นตาดำ และปีนออกมาหาทีมสนับสนุนของเธอด้วยรอยยิ้ม ซึ่งอีกฝ่ายต่างสวมหน้ากากอนามัย และโอบกอดฟลามินี

หลังจากนั้นไม่นาน ฟลามินีเล่าถึงประสบการณ์ของเธอแบบสั้น ๆ ว่า “ยอดเยี่ยม เหนือชั้น” แต่เธอขอเวลาปรับตัวสักพักก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลย และไม่ได้อาบน้ำมานานราว 1 ปีครึ่ง

เบียทริซ ฟลามินี บันทึกภาพของตัวเองระหว่างกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายในถ้ำ

ฟลามินี ใช้เวลาอยู่ใต้ดินไปกับการออกกำลังกาย เพื่อรักษาสุขภาพ และไม่ทำให้ตัวเองว่าง รวมถึงวาดรูป และถักหมวกไหมพรม ทั้งนี้ เธอใช้กล้องโกโปร 2 ตัว ในการบันทึกเวลาการใช้ชีวิต, การอ่านหนังสือ 60 เล่ม และการใช้น้ำ 1,000 ลิตร ซึ่ง ฟลามินี กล่าวในคลิปวิดีโอไว้ว่า ถ้ำคือสถานที่ที่ค่อนข้างมั่นคง แต่เป็นอันตรายอย่างมากต่อมนุษย์และสมอง เนื่องจากคนที่อยู่ในนั้นไม่เห็นแสงอาทิตย์ ทำให้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน และไม่มีการกระตุ้นระบบประสาท

อนึ่ง ฟลามินี ได้รับการดูแลโดยกลุ่มนักจิตวิทยา, นักวิจัย, นักสำรวจถ้ำ และผู้ฝึกสอนทางกายภาพ ที่เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหว และติดตามความเป็นอยู่ที่ดีทางร่างกายและจิตใจ โดยไม่เคยติดต่อกับเธอเลย

ตามรายงานของสำนักข่าวสเปน “อีเอฟอี” ประสบการณ์ของฟลามินีจะถูกใช้โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในเมืองกรานาดา และเมืองอัลเมเรีย เช่นเดียวกับคลินิกการนอนหลับในกรุงมาดริด ซึ่งพวกเขากำลังศึกษาผลกระทบของการแยกตัวทางสังคม และภาวะสับสนเฉียบพลันอย่างรุนแรงต่อการรับรู้เวลาของผู้คน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประสาทจิตวิทยาและการรับรู้ของมนุษย์ที่อยู่ใต้ดิน ตลอดจนผลกระทบที่มีต่อวงจรการทำงานของร่างกายและการนอนหลับ.

เครดิตภาพ : REUTERS