เมื่อวันที่ 18 เม.ย.นายเศรษฐา ทวิสิน ผู้เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ทวิตข้อความถึงวิวาทะ เรื่องนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ว่า

“เศร้าใจ คือความรู้สึกผม หลังจากที่ได้เห็นนักการเมืองท่านหนึ่ง ออกมาแสดงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหารในการสัมภาษณ์ข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลต่างๆ ซึ่งผมขอใช้พื้นที่นี้ใช้การอธิบายเพิ่มเติม แต่ผมไม่มั่นใจว่าทัศนคติของท่านจะถูกเปลี่ยนด้วยเหตุผลเหล่านี้ได้หรือเปล่า

ข้อแรก ท่านบอกว่าการเกณฑ์ทหารจำเป็นต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจดี ทำให้ประเทศอื่นค้าขายกับเรา ผมเห็นด้วยแต่ส่วนเดียวคือความมั่นคงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่ดี แต่ผมไม่เห็นด้วยว่าการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นความจำเป็นต่อความมั่นคง ซ้ำยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ ในการดึงคนบางกลุ่มออกจากระบบเศรษฐกิจ ไปทำหน้าที่เป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาชีพที่เขาได้ร่ำเรียนมา กลายเป็นว่าเสียโอกาสทั้งของคนนั้น และของประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ เปรียบได้ว่าเป็นปรากฏการณ์สมองไหลแต่เกิดขึ้นภายในประเทศเอง (Domestic brain drain)

ข้อที่สอง ท่านกล่าวว่าปัจจุบันทหารก็สมัครใจอยู่แล้วแต่ไม่พอต่อความจำเป็นจึงต้องมีระบบเกณท์ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยและจะผลักดันให้ทหารกองทัพมาจากการสมัครใจเต็มรูปแบบเท่านั้น ด้วยหลักคิดว่า ขนาดของกำลังพลในปัจจุบัน-นั้นใหญ่เกินไปและไม่ได้สอดคล้องกับการรักษาความมั่นคงอย่างแท้จริง และ กองทัพจะสามารถชักจูงให้มีการสมัครอย่างเพียงพอได้ เมื่อมีการยกระดับการฝึกฝน ปฏิบัติงาน ให้เป็นมืออาชีพมากขึ่น แข่งขันกับภาคประชาชนที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้

ข้อสุดท้าย ท่านอ้างว่าพลเรือนไม่ควรยุ่งเกี่ยวในการวางแผนหรือคิดแทนกองทัพ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ผมเสนอว่าหน้าที่ของกองทัพควรทำงานร่วมกับพลเรือนในเรื่องของการวางแผนกำลังพล เพื่อสร้างความเชื่อใจระหว่างประชาชนและกองทัพ ซึ่งกลไกที่สำคัญคือการชี้แจงและวางแผนร่วมกับรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ครับ

จากประเด็นที่ท่านได้กล่าวไปทั้งหมด ผมจึงรู้สึกเศร้าใจที่ประชาชนไทยมีผู้นำที่มองว่าการรักชาติแสดงออกได้โดยการเกณฑ์ทหารเพียงอย่างเดียว ทัศนคติเหล่านี้เป็นการด้อยคุณค่าความเห็น ความรักชาติ ของประชาชนคนไทยอื่นๆเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง (ที่ไม่ได้เกณฑ์ทหาร) ครู หมอ ข้าราชการ ผู้พิการ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ได้เข้าไปเกณฑ์ทหาร

ในการตรงกันข้าม ผมมองว่าการยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบาย เรายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่จะมาเสริมทำให้ประชาชนคนไทยมีความภาคภูมิใจกับสถาบันนี้มากขึ้น ใช้กลไกอื่น (นอกจากการบังคับ) ที่จะผลักดันให้สถาบันทหารมีความเป็นมืออาชีพ มีเกียรติมากยิ่งขึ้น ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทุกส่วน เป็นทหารเพื่อชาติอย่างแท้จริง”