สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ให้การต้อนรับและพบหารือกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งถือเป็นผู้นำฟิลิปปินส์คนแรกในรอบ 10 ปี ที่เยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการ กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นภูมิภาคซึ่งเผชิญกับ “สถานการณ์ซับซ้อนที่สุดทางภูมิศาสตร์การเมือง” การเยือนสหรัฐครั้งนี้ “เป็นเรื่องปกติ” ที่ฟิลิปปินส์จะกระชับความสัมพันธ์กับ “พันธมิตรตามสนธิสัญญา” เพียงแห่งเดียวในภูมิภาค
ขณะที่ ไบเดน ยืนยันว่า สหรัฐจะเดินหน้ามอบความสนับสนุน “เพื่อความทันสมัยทางทหาร” ให้แก่กองทัพฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลวอชิงตันมี “พันธกิจแข็งแกร่ง” ในการปกป้องฟิลิปปินส์
WATCH: President Marcos delivers an opening statement before his bilateral meeting with US President Joe Biden here at the White House Oval Office. | @alexisbromero pic.twitter.com/d65t0pYBHv
— The Philippine Star (@PhilippineStar) May 1, 2023
ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลมะนิลาเน้นย้ำว่า มาร์กอส จูเนียร์ พยายามรักษาสมดุลของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน สองประเทศมหาอำนาจซึ่งกำลังขับเคี่ยวอย่างหนัก เพื่อช่วงชิงการมีอิทธิพลเหนือกว่าอีกฝ่ายในภูมิภาคแห่งนี้ เมื่อเทียบกับสมัยของผู้นำคนก่อนหน้า คือ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ซึ่งให้ความสำคัญกับจีนมากกว่า
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ และมาร์กอส จูเนียร์ เยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากันระหว่างเรือตรวจการณ์ของทั้งสองประเทศในทะเลจีนใต้ ซึ่งเกิดบ่อยครั้งขึ้นในปีนี้ โดยล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
กระนั้น มาร์กอส จูเนียร์ ยืนยันว่า จะไม่มีทางปล่อยให้ฟิลิปปินส์ “เป็นสถานที่ตั้งของประเทศใดก็ตาม เพื่อดำเนินกิจการทางทหารทุกรูปแบบ”.
เครดิตภาพ : AFP