จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพการไลฟ์สดในเพจ Kingdom Of Tigers : ทูนหัวของบ่าว โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nutch Prasopsin ทำนองว่าได้รับแจ้งจากอาสาสมัครที่ดูแลสุนัขและแมวจรจัดในพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ว่ามีหมูป่าอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่โดนสุนัขจรจัดรุมกัด จึงลงพื้นที่ตรวจสอบว่าจะให้การช่วยเหลือหมูป่า แต่ภายหลังกลับไปเจอชายหญิงกำลังมีเพศสัมพันธ์กันในบ้านร้าง และเมื่อสอบถามชาวบ้านทำให้ทราบว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเสพยาเสพติดจนมีอาการทางประสาท อาศัยอยู่ในบ้านร้างเพียงลำพัง ส่วนผู้ชายที่เห็นคือพวกคนขับรถสิบล้อ ที่ชอบมาร่วมหลับนอน ซึ่งอาจเป็นเหตุรุมโทรมข่มขืน ก่อนจะให้เศษเงินทอง 10-20 บาทแลกเปลี่ยน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ ถึงได้ปล่อยให้มีเรื่องราวเช่นนี้ได้

ตะลึง!ไลฟ์สดช่วยหมูป่าอยู่ดีๆ หันมาเจอสาวสติไม่ดีโดนเวียนขืนใจแลกเศษเงิน

‘สาวหมูป่า’ลั่นข่าวไลฟ์สดสุดมั่ว ปัดถูกขืนใจแลกเศษเงิน ยันไม่มีผู้ชายมาหาเลย

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก​ ตร. กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง​ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการแล้ว ทางตำรวจได้เข้าไปในพื้นที่พบว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้น จึงได้พาผู้หญิงคนดังกล่าวไปตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 พร้อมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล มาตรวจสอบร่างกาย และได้ประสานไปที่ พม. เพื่อให้รับตัวไปดูแลรักษา

สำหรับประเด็นกระแสข่าวว่าสถานที่แห่งนั้น เป็นที่แวะเวียนกันมาข่มขืนกระทำชำเรา หรือข่มขืนกระทำอนาจารกับหญิงสาวหรือไม่ ข้อยืนยันของพยานแวดล้อมต่างๆ พบว่าไม่ได้ถึงขนาดนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่ใช่การขืนใจหรือข่มขืนกระทำชำเรา เป็นเรื่องที่ผู้หญิงอยู่ในอายุ ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะมายอมความไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามภาพที่ปรากฏออกไปและมีผู้ที่เอาคลิปไปลงแล้วบอกว่าเป็นเรื่องที่เป็นการขืนใจหรือข่มขืนกระทำชำเราแล้วตำรวจไม่ดำเนินคดี ข้อเท็จจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย ทันทีที่รับแจ้งก็ได้ไปในทันทีและดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง

โดยได้สอบปากคำแล้วมีนักจิตวิทยามาพูดคุยด้วยแล้วไม่ปรากฏว่า เป็นผู้ที่มีสติไม่สมประกอบ หรือโดนล่อลวงอะไร เป็นเรื่องของคนปกติคนหนึ่ง จึงอยากจะเรียนว่ากรณีอย่างนี้ อย่าเพิ่งฟังอะไรแล้วมาสรุปว่าใครทำถูก ทำดีไม่ดี คงต้องพิจารณาจากข้อมูลข่าวสารก่อน ทางตำรวจก็ได้ไปเก็บข้อมูลไปสอบพยานแวดล้อมต่าง ๆ ทุกคน รวมถึงผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในละแวกนั้นก็ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่หน่วยงานทราบแล้วก็ได้เข้าไปดำเนินการอย่างเต็มที่และทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ทุกอย่าง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ในกรณีดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ การจะเข้าไปได้จะต้องมีหมายเข้าไปด้วย เพราะไม่ใช่พื้นที่สาธารณะที่ใครจะเข้าไปได้ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ส่วนกรณีนี้ที่เข้าไปได้นั้นเพราะมีเหตุ มีคนแจ้งขอความช่วยเหลือ ตำรวจก็ได้เข้าไป ทั้งนี้หากเข้าไปแล้วพบเป็นเรื่องการกระทำความผิด เช่น โดนรุมโทรม ข่มขืนกระทำชำเราจะต้องดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งทาง​ พม.ก็ได้ไปยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องการขืนใจ หรือข่มขืนกระทำชำเราแต่อย่างใด.