ลลิสาเนอร์สซิ่งโฮม กรุ๊ป (Lalisa Nursing home group) นำทีมโดย 4 ผู้บริหารเก่ง คุณอธิพร พูลสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ,คุณวิสูตร วัลลา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) , คุณมธุรส ทับสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) ซึ่งมีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ มากกว่า 6 ปี มี แฟรนไชส์ 21 แห่งทั่วประเทศ และ คุณอภิสรา ทับสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) พร้อมเดินหน้าเปิดตัว “โครงการที่พักอาศัย สำหรับวัยเกษียณ Lalisa Active Living :อยู่โครงการในฝัน เพื่อบั้นปลายชีวิตที่มีคุณภาพ” ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ริมทะเลหัวหิน พร้อมสิทธิ์อยู่ได้ตลอดชีวิต ที่ Energy seaside City หัวหิน และรับสิทธิ์อื่นๆอีกมากมาย อาทิ พยาบาลตรวจสุขภาพทุกวัน การดูแลกรณีฉุกเฉิน กิจกรรมสันทนาการ กายภาพบำบัด การออกกำลังกาย และ บริการปรึกษาแพทย์ โดยโครงการนี้เป็นการลงทุนร่วมกับบริษัทราชประสงค์จำกัด (มหาชน ) และกำลังจะขยายธุรกิจต่อไปที่ต่าง ๆ โดยมี บริษัท มหาชน ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ จ่อคิวรอร่วมโครงการอีก 2 ราย
คุณอาม-อธิพร พูลสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO คนเก่งแห่งกลุ่มบ้าน ลลิสาเนอร์สซิ่งโฮม กรุ๊ป (Lalisa Nursing home group) เปิดใจถึงจุดเริ่มต้นว่า ผมเดินทางไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุ 12 ขวบ และในระดับมหาวิทยาลัย เลือกเรียนสาขาวิชาที่เกี่ยวกับรัฐศาสตร์และเศษฐศาสตร์ ผมได้เห็นถึงพฤติกรรมของนักเรียน นักศึกษา ชาวอเมริกัน ที่มองโรคเครียดเป็นเรื่องปกติมาก ในช่วงแรก ๆ ที่ผมกลับมาเมืองไทย ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานอะไร ทั้ง ๆ ที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวรองรับอยู่ แต่ผมอยากทำธุรกิจของตัวเอง จึงยืมเงินคุณแม่ และเริ่มหา Business Model ว่าเมืองไทยเรามีอะไรเป็นจุดแข็ง ซึ่งธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ Medical Tourism น่าจะเป็นอะไรที่มีศักยภาพ และมีโอกาสเติบโตได้สูงในเมืองไทย
ในตอนแรกเปิดเป็นศูนย์ค่อนข้างเป็นส่วนตัว รับลูกค้าวีไอพี เน้นชาวต่างชาติ คือลูกค้าที่เป็นนักการเมือง เป็นดาราที่เขามีโรคปัญหาเรื่องเสพติดเหล้า ติดโคเคน หรือติดพนัน ไม่อยากบำบัดที่บ้าน เพราะไม่อยากเป็นข่าว ให้เขาบินมาอยู่กับเราที่ประเทศไทย เพราะได้ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง นี่เป็นธุรกิจแรกของผมที่เกี่ยวกับ Medical Tourism เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติครับ
จากนั้น คุณอาม-อธิพร พูลสวัสดิ์ เดินหน้าเปิดศูนย์ Medical Tourism โดยได้นำนวัตกรรม เครื่อง TMS โดย T ไทยแลนด์ M มาเลเซีย และ S สิงคโปร์ เป็นเครื่องช่วยรักษาโรคซึมเศร้า
“ปกติขั้นตอนการรักษาโรคซึมเศร้า คือต้องกินยา Antidepressant แล้วบำบัดทางจิต แต่บางคนที่ไม่ตอบสนองกับยา ก็จะใช้เครื่องตัวนี้ ซึ่งเป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นสมอง และมีการวิจัยเพิ่มเติมว่าเครื่องตัวนี้สามารถรักษาโรค Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง ในช่วงแรกไปเปิดคลินิกที่เชียงใหม่ โดยใช้เครื่องตัวนี้เป็นจุดขาย คนที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเป็นโรคหลอดเลือดสมองมารักษาได้ ฟีดแบคดีมาก เพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ และเป็นรายแรกในเชียงใหม่ แต่มีคนบอกว่า เขาเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตเดินทางไปกลับค่อนข้างยากไม่สะดวก จะทำอย่างไรดี มีที่พักให้เขาระยะยาวไหม
“ทั้งนี้ทางครอบครัวผมทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงมาดัดแปลงและแปรสภาพอสังหาริมทรัพย์ ให้มาเป็นธุรกิจการแพทย์ โดยเอาบ้านที่อยู่ตรงแม่น้ำปิงที่เชียงใหม่ ทำเป็น Nursing Home ที่แรกพร้อมกับคลินิก TMS ปรากฎว่า ลูกค้าอยู่ยาว จนเตียงไม่พอ และในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี่เองที่ทำให้ Nursing Home ที่เป็นธุรกิจ SMEs ได้ปรับเปลี่ยนเป็นโมเดลธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น”
เมื่อตกผลึกความคิดได้แล้ว คุณอามจึงเน้นการทำสเกล และเน้นการขยายสาขาให้ทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงโควิด-19 เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายรายต้องการเปลี่ยนธุรกิจมาทำเป็นธุรกิจดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ จึงคิดว่าโมเดลเป็นการขยายแบบแฟรนไชส์ ซึ่งผู้สูงอายุของเราจะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก
“สำหรับผู้สูงอายุจะมี ประเภทที่ 1 ผู้สูงอายุติดเตียง แบบไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องดูดเสมหะ ประเภทที่ 2 กลุ่มพักฟื้น จะเป็นติดเตียงชั่วคราว ที่ต้องการพักฟื้นและต้องการกายภาพเพื่อจะกลับมาเดินได้ ประเภทที่ 3 เป็นผู้สูงอายที่มีปัญหาโรคความจำโรคสมอง เช่น โรค Dementia โรคอัลไซเมอร์ และ ประเภทที่ 4 เป็นผู้สูงอายุที่ค่อนข้างแอคทีฟ คือช่วยเหลือตัวเองพอได้ แต่เนื่องจากความเสี่ยงอะไรหลาย ๆ อย่างญาติเลยมาฝากไว้ที่ศูนย์ครับ”
เดินหน้าสู่ Lalisa Nursing home group งานที่ไม่ใช่แค่ทำเงิน แต่สร้างคุณค่า และสร้างความสุข กับคติประจำใจ 3 F นั่นคือ First ทำเป็นคนแรก เพราะคนแรกจะได้เปรียบ Fast คือต้องเร็วกว่า ถึงเราอาจไม่ใช่คนแรก แต่ถ้าเอารูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาประยุกต์ให้สำเร็จด้วยความรวดเร็ว และ F ที่ 3 คือ Future การมองเทรนด์ในอนาคต
“ผมทำธุรกิจ Nursing Home มา 4 ปีแล้ว จากที่เคยเป็นธุรกิจ SMEs จนถึงตอนนี้บริษัทใหญ่ ๆ เริ่มมาทำ Nursing Home มีคู่แข่งเยอะขึ้น และในอนาคตไม่อยากตัดราคาแข่งกับคนอื่น ผมจึงพัฒนาโปรแกรม Active Living ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่หัวหิน เน้นกลุ่มลูกค้าวัยเกษียณที่ยังดูแลตัวเองได้ ผมมองว่าเทรนด์ตอนนี้คือคนมีลูกน้อยลง คนไม่ต้องการพึ่งพาลูกหลาน ชอบพึ่งพาตัวเอง เดิมทีหลาย ๆ คนคิดว่ามีลูกเพราะจะได้มีลูกหลานดูแลตอนอายุมากขึ้น แต่ Concept ใหม่ของคนที่ใกล้เกษียณปัจจุบัน คือเขาต้องการดูแลตัวเอง ต้องการมี Community ไม่ต้องการให้ลูกหลานดูแล แต่เขาอยากดูแลตัวเองได้ อยากมีสังคมที่ดี และผมมองว่านี่คือเทรนด์ของเรา
“และสำหรับ Lalisa Active Living อยู่โครงการในฝัน เพื่อบั้นปลายชีวิตที่มีคุณภาพ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนทั่วไป แต่มีการตรวจสุขภาพทุกวัน ตรวจในเรื่องของ เบาหวาน ความดัน และการเต้นของหัวใจ เรียกว่า Preventive Care คือถ้าคุณเสี่ยง จะต้องปรึกษาแพทย์หรือเข้ารับการรักษาก่อนที่มันจะเป็นอะไรร้ายแรง เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายคุณยามแก่ และที่ต่างจากคอนโดทั่วไปคือการสร้าง Community สไตล์คอนโด คือนอกจากมีพยาบาลมาช่วยดูแล และมีการตรวจสุขภาพแล้ว ยังมีทำกิจกรรมที่จะทำร่วมกันด้วย ได้ทั้งสังคมได้ทั้งสุขภาพที่ดี ด้วยต้นทุนที่เหมือนกับอยู่คอนโดทั่วไป
“ในส่วนLalisa Nursing home group มีหลายสาขาทั่วประเทศ แต่ละสาขามีโปรแกรมเฉพาะทาง จึงค่อนข้างตอบโจทย์ทุกคน มีสาขาอยู่ใกล้เคียง และมีราคาที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น คือมีตัวเลือกเยอะ ตอบโจทย์ ในขณะเดียวกันคุณภาพถูกคุมภายใต้มาตรฐานเดียวกัน Lalisa ของเรามี Lalisa Active Living สำหรับกลุ่มคนทั่วไป แต่เสริมเรื่องสุขภาพและ Community Lalisa Wellness คือดูแลเรื่อง Well-Being ทั่วไปเกี่ยวกับโรคเฉพาะทาง เช่น เกี่ยวกับมะเร็งโดยตรง ดูแลเรื่อง Pre and Post Chemotherapy คือโปรแกรมที่ดูแลคนไข้มะเร็งก่อนและหลังรับคีโม แลtมี Lalisa Anti-aging เป็นคลินิกเสริมความงาม”
ในอนาคตเตรียมขยายสาขาสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงการ Cooperation Join กับบริษัทมหาชน เพื่อต้องการขยาย ตาม Road Map โดยวางไว้ว่าขยายหนึ่งสาขาต่อหนึ่งควอร์เตอร์ พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย
“สำหรับผมการทำธุรกิจสิ่งสำคัญ คือต้องมีความเป็น Open Mind อย่ามีอคติ ยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ยอมรับคน ยอมรับคำแนะนำ หลักสำคัญของความสำเร็จสำหรับผม คือการมีทีมที่ดีมีประสิทธิภาพ ต้องยอมรับว่าตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องทางการแพทย์ รวมไปถึงเรื่องของการตลาด แต่อาศัยว่าผมไว้ใจคนรอบข้าง คนที่มีศักยภาพดึงมาเข้าทีม และให้เขาบริหารโดยที่เราเป็น Open Mind รับฟัง และนำเอาความรู้ หรือนำเอาประสบการณ์ของเขามาใช้ให้เป็นประโยชน์ จริง ๆ คืออาศัยคนที่มีความรู้จริงทำแทนเราครับ” คุณอาม-อธิพร พูลสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO คนเก่งแห่งกลุ่มบ้านลลิสาเนอร์สซิ่งโฮม (Lalisa Nursing home group) กล่าวในท้ายที่สุด