เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งทั่วไปของไทย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้ง 500 ที่นั่ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่า พรรคก้าวไกล ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด 151 ที่นั่ง แบ่งเป็นแบบแบ่งแขต 112 คน และจากบัญชีรายชื่อ 39 คน ตามด้วย พรรคเพื่อไทย 141 ที่นั่ง แบ่งเป็นแบบแบ่งแขต 112 คน และจากบัญชีรายชื่อ 29 คน


สำนักข่าวต่างประเทศทุกแห่งยังคงให้ความสนใจและเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่วิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่่ เป็นการสะท้อนเสียงจากประชาชน ในการปฏิเสธ “ระบอบการเมืองแบบขั้วอำนาจเก่า ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากกองทัพ” ถือเป็น “จุดเปลี่ยนที่น่าจับตาของการเมืองไทย” ซึ่งผู้มีสิทธิออกเสียง “ให้โอกาส” นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่แม้ยังไม่เคยมีประสบการณ์บริหารราชการมาก่อน


อย่างไรก็ตาม สื่ออย่างบีบีซี เอเอฟพี บลูมเบิร์ก และอัลจาซีรา ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า สถานการณ์นับจากนี้ “ยังไม่แน่นอน” เนื่องจากยังไม่หลักประกันที่ชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่ เนื่องจากยังคงต้องผ่านด่านการลงมติจากวุฒิสภา ซึ่งสมาชิกทั้ง 250 คน มาจากการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีวุฒิสมาชิกคนใดกล่าวอย่างเป็นทางการว่า จะสนับสนุนหรือคัดค้านว่าที่รัฐบาลชุดใหม่


นอกจากนี้ นโยบาย “ปฏิรูปสถาบัน” ของพรรคก้าวไกล อาจสร้างความตึงเครียดกับฝ่ายทหารด้วย ดังนั้น อาจต้องใช้เวลา “นานอีกหลายสัปดาห์” กว่าจะมีความเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ว่า รัฐบาลชุดใหม่ของไทย จะประกอบด้วยพรรคใดบ้าง.

เครดิตภาพ : AFP