คงต้องกล่าวว่า บนกระแสโลกออนไลน์ตอนนี้คงไม่มีใครมาแรงเท่า ต่าย ชุติมา ดาราดัง ที่ล่าสุดมาออกรายการแย่งซีน ช่อง 8 ไปแล้ว หลายคนแซวไม่หยุด และอยากรู้เรื่องราวความรักของเธอกับหนุ่ม ทิม พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีของไทย แม้จะจบลงไปแล้ว แต่ยังเหลือความเป็นพ่อและแม่ที่ดีของลูกสาวอยู่ งานนี้รายการคนดังนั่งเคลียร์ จึงไม่พลาดที่จะเชิญตัวสาวต่ายมาอัปเดตอีกครั้ง

ต่าย เผยว่า “เรื่องคนมองอยากให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของเมืองไทย ต่ายว่าเราไม่เหมาะกับตรงนั้น เป็นตัวเรา เป็นแบบนี้ดีแล้ว ในทุกวันนี้ค่ะ เรา​ไม่ได้คิดเยอะเลยค่ะ ก็คิดว่าเราอยู่ในจุดที่แฮปปี้ของเราแล้ว ที่เราคอยซัพพอร์ตเขาคือในช่วงที่เขาหาเสียง แบบเชียร์พรรคนี้อะไรแบบนี้ มีอะไรก็ช่วยรีโพสต์ให้เขา คือเขาไม่ได้ขอนะคะ ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) อย่างเรื่องการหาเสียงก็มีคุยกันบ้างที่แบบส่งข้อความไป ทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ นะ ให้กำลังใจค่ะ เรื่องที่เขาดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ หมายถึงหุ่นจะทำงานไหวไหม เขาแอบบึกเปล่า (หัวเราะ) ก็คิดว่าเหมาะนะคะ เพราะเขาเป็นคนที่ทัศนคติกว้างไกล มองการณ์ไกล แล้วเขาเป็นคนตั้งใจทำงานมากค่ะ”

“อย่างประเด็น ส.ว. ที่ออกมาว่า อาจไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้ก็เข้าใจเหมือนกัน เพราะประเด็นนี้ ก็รู้สึกว่า ทำไมไม่เคารพเสียงของประชาชนทั้งประเทศ อะไรแบบนี้ ถ้าไม่งั้นก็ไม่ต้องเลือกตั้ง ตั้งแต่แรก ก็คือทำเลือกตั้ง 250 คน ไปใหม่ จบ ถูกไหม (ยิ้ม) เข้าใจมันก็มีทั้ง 2 ฝ่ายเนอะ ชอบกับไม่ชอบ อันนี้ก็เป็น คหสต. ความเห็นส่วนตัวค่ะ แต่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนควรรับฟัง เพราะว่าทุกคนเขาตั้งใจ และเคารพในสิทธิของตัวเอง แล้วรู้ว่าเรามี 1 สิทธิ 1 เสียง ที่จะไปสามารถเลือกผู้นำของประเทศได้ ทุกคนก็อยากเห็นการพัฒนาของประเทศไปในทางที่ดี ในทางที่แบบสู้ประเทศอื่นเขาได้ แล้วทุกคนตั้งใจออกไปเลือกแล้ว ทำไมจะต้องมีก๊อก 2 อย่างนี้ค่ะ”

ต่าย เล่าต่อว่า “เรื่องตอนจีบกันกับคุณทิม ก็ตั้งแต่เราอยู่มหา’ลัยค่ะ เขาสนใจการเมืองตั้งแต่ตอนไหนคะ?​เขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาสนใจตั้งแต่ประถมแล้วค่ะ เวลานั่งดูข่าวการเมืองตั้งแต่อยู่นิวซีแลนด์ ก็เหมือนเป็นแพสชั่น ความฝันของเขาในเรื่องนี้เลยค่ะ เขาแก่กว่าต่าย 7 ปีค่ะ ตอนนั้นเรียกว่า ที่รัก (เขินอาย) วันนี้ไม่ได้เรียกแล้วค่ะ ตอนนี้​ก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ รู้สึกว่าเหมือนจังหวะชีวิต คนเรามันก็แบบนี้ มีขึ้นมีลง เดี๋ยวทุกอย่างผ่านมาก็ผ่านไป เดี๋ยวมีความสุข ทุกข์สลับกันไป มันเป็นสัจธรรมค่ะ ถามว่าเราปลงไหม ก็ทุกอย่างมันไม่จีรังค่ะ ถ้าเราไปยึดติดมากไป มันก็จะทุกข์ อยากใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุข พยายามโฟกัสอะไรที่เรามีความสุขดีกว่า ถ้ามันไม่ใช้ความจริง หรือทำให้เราเดือดร้อน จนมาเคาะประตูบ้าน เราก็ช่างมันเถอะ (ยิ้ม) ส่วนข่าวลือที่ว่า ต่ายมาเกาะกระแสพี่ทิม อันนั้นก็แล้วแต่คนจะคิด เราก็แค่เล่นไอจีของเราเอง เราก็มีพื้นที่สื่อ พื้นที่ของเราค่ะ พอเราเล่นเหมือนที่คนอื่นเล่น มันเกิดเป็นกระแสเข้ามา เราก็ห้ามอะไรไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติค่ะ”

“จริงๆ อยากให้ทุกคน แต่ไม่ใช่เฉพาะกับเรานะคะ เคารพในสิทธิของคนอื่นอะไรแบบนี้ แล้วก็รู้สึกจริงๆ เรื่องของคนอื่น ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูด เหมือนการนินทา มันไม่รู้จะพูดไปทำไม ยิ่งเป็นเรื่องที่แบบรู้ไม่จริง แล้วเอาไปพูด คนอื่นเขาเสียหาย มันก็ไม่ดีค่ะ ถ้าไม่รู้อะไรจริง ก็อย่าพูดดีกว่า ถ้าฝากถึงเขาก็คงต้องบอกว่า ก็ขอแสดงความยินดีในความสำเร็จด้วยค่ะ เพราะว่าเขารอวันนี้มานาน ก็ให้กำลังใจ ให้รักษาสุขภาพด้วย จะได้มีแรงดูแลประชาชน ส่วนคนที่มองว่าพี่ทิมอยู่ในที่สว่าง ฝั่งตรงข้ามเขาอาจจะไม่ชอบเขา และคอยมาขุดขุ้ยในเรื่องของเรามาทำร้ายเขา อันนี้ต้องบอกให้เขาแยกแยะ ประเด็นเรื่องส่วนตัว กับเรื่องของการทำงาน รู้สึกแบบมันไม่แมน ในเวทีการเมือง แล้วแบบเอาเรื่องส่วนตัวเราไปเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเขา อยากให้ใช้ประเด็นในการทำงาน หรือฝีมือในการทำงานต่อสู้กันมากกว่าค่ะ คุณต่ายไม่ใช่ชีวิตคู่กับเขามา 5 ปีแล้ว จะมารื้อฟื้นทำไม มันไม่ยุติธรรมกับต่าย? จริงๆ มันไม่ยุติธรรมทั้งคู่เลย เรารู้สึกว่า สู้กันซึ่งๆ หน้าดีกว่าค่ะ”

“ส่วนเรื่องที่คู่เราไปต่อไม่ได้ น่าจะเกิดจากเราไม่สื่อสารด้วยค่ะ เหมือนกับว่าฝั่งหนึ่งหยวนๆ ยอมๆ ให้ปัญหามันผ่านไป บางทีมันจะกลายเป็นสะสมอะไรแบบนี้ค่ะ ก็ได้ประสบการณ์มาว่ามีอะไร ก็ควรจะพูดออกมาตรงๆ มีอะไรก็ปรึกษากันค่ะ สำหรับผู้ชายคนใหม่จะเข้ามาของต่าย จริงๆ ชอบคนจิตใจดี สุภาพ อารมณ์ใจเย็น ชอบคนที่ดูแลจิตใจเราได้ ให้คำปรึกษาได้ เขาต้องทำให้คุณภาพความคิดของเราดีขึ้นค่ะ แล้วถ้าคุณภาพความคิดของเราดีขึ้น คุณภาพชีวิตของเราก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ เรื่องแต่งงานอีก เราก็ต้องดูก่อนว่า ณ จุดๆ นั้น เรามั่นใจกับเขามากน้อยเท่าไหน ถ้ามั่นใจก็คงเซย์เยส แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ ก็คงต้องคอยดูกันก่อน”