เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายณฐพงศ์ พวงประเสริฐ อายุ 36 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 9 บ้านปางไม้ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย นายเพลิน ฤทธิ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านป่าเด้งเหนือ พร้อมด้วย ชาวสวนทุเรียน และชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า ได้รับความเดือดร้อนหนักเนื่องจากน้ำในแม่น้ำปราณบุรี และน้ำในลำห้วยโสก ในพื้นที่ หมู่ 1บ้านป่าเด็งเหนือ หมู่ 9 บ้านปางไม้ หมู่ 8 บ้านเขาแหลม และพื้นที่หมู่ 10 บ้านป่าผาก ต.ป่างเด็ง อ.แก่งกระจาน รวม 4 หมู่บ้าน น้ำในลำห้วยแห้ง ชาวสวนไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตร ทำการปศุสัตว์เลี้ยงโคนม วัว เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักเป็นวงกว้าง ได้รับผลกระทบหนักต้นทุเรียนกว่า 1,000 ต้นยืนต้นตาย ลูกทุเรียนไม่สมบูรณ์ตกหล่นเสียหาย ต้นเงาะใบไหม้กำลังจะยืนต้นตายได้รับความเสียหายหนัก พืชผลทางการเกษตรเริ่มแห้งเหยี่วยืนต้นตายเนื่องจากไม่มีน้ำทำการเกษตร อีกทั้งบ่อน้ำที่ชาวสวนขุดไว้กักเก็บน้ำใช้ได้แห้งลงอย่างหนัก ส่งผลให้ชาวสวนทุเรียนและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือ

ด้านนายเดช ทับจิตย์ อายุ 65 ปี ชาวสวนทุเรียน หมู่ 1 บ้านป่าเด็งเหนือ เปิดเผยว่า ปีนี้ชาวบ้านประสบปัญหาภัยแล้งหนัก น้ำในแม่น้ำและลำห้วยแห้งทั้ง 2 ฝั่ง ไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตรผลผลิตทุเรียนไม่เติบโตไม่สมบูรณ์ ยื่นต้นตายไปหลายสิบต้น จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งเข้ามาช่วยเหลือขุดสระน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำ

นางคำพอง โสวาธี อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 บ้านป่าผากที่ปลูกพืชสวน เล่าว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในแม่น้ำแห้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำปราณบุรีลงไปปลายน้ำ ปกติให้น้ำในลำห้วยต้นน้ำปราณบุรีใช้ทำการเกษตรอยู่ประจำ แต่ปัจจุบันน้ำแห้งขอดหมดแล้ว คงต้องคอยฝนตกลงมาเพราะน้ำในลำห้วยไม่มีให้ใช้แล้ว ขนาดในถังยังไม่มีน้ำหุงข้าวกิน

นายณฐพงศ์ พวงประเสริฐ อายุ 36 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน ฝนทิ้งช่วงมาหลายเดือนแล้วไม่มีตกลงมาเลย ชาวบ้านในพื้นที่มีการเพราะปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาเป็นปลูกพืชผสมผสาน ทุเรียน เงาะ กล้วย ขนุน เป็นต้น และต้องใช้น้ำเป็นตัวหลักในการเพราะปลูก ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนเกษตรกรบางรายที่มีกำลังทรัพย์ก็ขุดลอกลำห้วยเพื่อเอาน้ำไปใช้ในที่ของตัวเองได้เป็นบางรายเท่านั้น ชาวบ้านส่วนมากทาง อบต.ป่าเด็ง ได้ดำเนินการส่งน้ำให้ชาวบ้านให้ใช้อุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ ส่วนในภาคการเกษตรน้ำยังไม่เพียงพอ ในพื้นที่โซนล่าง หมู่ 5 หมู่ 6 หมู่ 7 หมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 4 เป็นพื้นที่ทำการปศุสัตว์เป็นโครงการสหกรณ์โคนม วัว เป็นหลัก หากสถานการณ์น้ำยังแล้งอยู่แบบนี้อาจจะนำไปสู่วิกฤติเรื่องของโรคระบาดได้ในอนาคต

โดยประชากรในพื้นที่ตำบลป่าเด็ง มี 10 หมู่บ้าน พื้นที่ที่วิกฤติคือ หมู่ 10 บ้านป่าผาก หมู่ 8 บ้านเขาแหลม เพราะเป็นแม่น้ำห้วยโสก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลเฉพาะหน้าแล้งอย่างเดี่ยว บางจุดขุดลงไปกว่า 4 ชั่วโมงยังไม่เจอน้ำ ชาวบ้านได้มีการปลุกขนุน ปลูกทุเรียน พอน้ำแห้งลงต้นทุเรียน ขนุน ได้ยื่นต้นตายเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งอัตตราน้ำที่ไหลมาเติมในลำห้วยไม่เพียงพอบางจุดสูบน้ำได้เพียง 5-10 นาทีน้ำก็หมดแล้ว หากไล่ระดับลงไปพื้นที่นี้คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำปราณบุรีพอไหลลงไป หมู่ 7-6-5-4-3-2 ต่างใช้น้ำในลำน้ำปราณบุรีเป็นหลัก หากพื้นที่ต้นน้ำดึงน้ำไปใช้ในภาคการเกษตรและครัวเรือน ในเร็ววันนี้พื้นที่ด้านล่างคงหนีไม่พ้นเรื่องของการปริมาณน้ำใช้ไม่เพียงพอแน่นอน ชาวบ้านทั้ง 10 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 7,000 ราย กว่า 2,500-3,000 ครัวเรือน คงไม่มีน้ำใช้ทำเกษตรและอุปโภค บริโภคแน่นอน.