เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีทหารหนุ่มยศ “ส.ท.” รายหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวของตัวเองผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อยากจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปียันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงได้ตกลงคบกัน จะมีอยู่วันหนึ่งได้ตกลงแต่งงาน พอแต่งงานได้ 7 วันเท่านั้น นางได้ขาดการติดต่อมาสักพักหนึ่ง พอติดต่อได้คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุข สุดท้าย #ผมโดนเทหรอวะเนี่ย คือยังไง จนผมได้ไปเคลียร์มาจากที่ทำงานเขา ผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ ส่วนท่านใดอยากแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ ผมอยากเห็นความคิดหลายๆ คน ว่าเหตุการณ์นี้ควรทำอะไร”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามข้อมูล จาก ส.ท.สุธา (สงวนนามสกุล) สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้เล่าว่า ตนเองได้ไปแต่งงานกับ น.ส.ศศิวิมล (สงวนนามสกุล) เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยจัดงานที่บ้านของฝ่ายหญิงใน ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ส.ท.สุธา เล่าต่อว่า โดยรู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ก่อนที่จะมีการแชตหาและแลกเบอร์โทรฯ คุยกัน จากนั้นได้มีการนัดไปเล่นที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่พอนอนค้างคืนเช้ามา ทางญาติของฝ่ายหญิงได้บอกว่าให้เอาผู้ใหญ่มาคุย เพราะตนทำผิดประเพณีของทางบ้านเขา จากนั้นตนก็ได้โทรฯ หาพ่อ เพื่อมาคุยและทำการหมั้นหมายกันเอาไว้

ส.ท.สุธา เล่าต่ออีกว่า โดยแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 200,000 บาท และทอง 2 บาท ซึ่งได้คุยและตกลงกันไว้ แต่พอผ่านมาประมาณ 15 วัน ทางแม่ฝ่ายหญิงรบเร้าร้องขอให้มาแต่งก่อนได้ไหม โดยเรียกค่าดอง 100,000 บาท และทองอีก 1 บาท ตนก็เอะใจว่าทำไมเร่งรัดขนาดนี้ เหมือนเขาจะขายลูกกินเลย หลังจากนั้นก็มีการโทรฯ มาขอเงินเพื่อไปซื้อของและเตรียมจัดงาน ตนก็รีบโอนให้ พอถึงวันที่แห่ขบวนขับหมากไปบ้านเจ้าสาว ตนก็แปลกใจว่าจัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติหรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลย มีแต่คนที่สนิทอย่างเดียว จากนั้นงานพิธีทุกอย่างก็รวดเร็วมาก รวมทั้งนับเงินสินสอด ขนาดช่างภาพที่ตนเตรียมมาก็ยังถ่ายภาพไม่ทัน ซึ่งทางญาติๆ ของตนก็ยังสงสัย และคิดว่ามีความผิดปกติมากในงานแต่ง

“แต่พอหลังจากที่ตนได้แต่งงานเสร็จแล้ว อยู่กินกันประมาณ 6 วัน ฝ่ายหญิงก็เริ่มเงียบ ตนจึงได้ไปตามถึงที่ทำงาน ที่โรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ ซึ่งเขาทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ ตนก็พยายามสอบถามและพูดคุยถึงสาเหตุ แต่ทางฝ่ายหญิงกลับก็ไม่ยอมพูด เอาแต่เงียบแล้วเดินหนีไป” ทหารหนุ่ม กล่าว

ทหารหนุ่ม กล่าวต่ออีกว่า ตนจึงได้โพสต์ข้อความที่เห็น รวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตน ก็บอกว่าถูกหลอกเอาเงินค่าสินสอดแน่นอน จากนี้ตนก็จะเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวง และจะฟ้องเรียกเงินที่ตนได้เสียไปกับการจัดงานแต่งและเงินค่าดอง รวมๆ กว่า 180,000 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้ตนได้ไปกู้มากับพ่อ เพื่อเอามาจัดงานแต่งงานและหวังจะสร้างอนาคตด้วยกัน แต่กลับมาถูกหลอกแบบนี้ ตนก็รู้สึกเสียใจมาก ถามว่ารักไหมตนก็รัก แต่เจอแบบนี้รักแค่ไหนก็ขอตัดใจดีกว่า.