เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 จับกุมตัวนางพัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 79/2565 ขัอหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

สืบเนื่องจาก บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่า ถูกบริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงชักชวนให้เข้าร่วมการลงทุนในการให้บริหารเช่าพื้นที่บน Cloud Storage โดยเสนอผลตอบแทนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนในอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน คล้ายลักษณะแชร์ลูกโซ่จนเป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อ และนำเงินเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ต่อมาบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย แจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้ 3,531 ราย เข้ามาให้การต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 2,878 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,303,127,202.99 ล้านบาท และยังไม่มาให้การอีกจำนวน 653 ราย

โดยก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 ราย คือ นายศุภสรร (สงวนนามสกุล) กรรมการบริษัท และประสาน ปปง.ติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อเป็นการเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ทั้งนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและหลบหนี คือ นางพัฒนา เป็นมารดาของนายศุภสรร ซึ่งเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงนามในบริษัท โดยได้หลบหนีตั้งแต่หมายจับออกเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 65 กลุ่มผู้เสียหายจึงได้ร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล IDMB ช่วยทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาขณะบวชชีอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ในชั้นจับกุม นางพัฒนา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่าเดิมทีตนเป็นอาจารย์สอนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่ จ.อ่างทอง หลังเกษียณบุตรชายได้ขอนำชื่อไปเป็นกรรมการในบริษัท โดยที่ไม่ทราบการดำเนินกิจการของบริษัทแต่อย่างใด ทั้งนี้ ขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบตัวขณะที่ผู้ต้องหาบวชชีและปฏิบัติธรรมอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม โดยมีอดีตสามีบวชเป็นพระอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีการในการให้ตนเองนั้นรอดพ้นจากการสืบสวนจับกุมตัวตามหมายจับในคดี เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ทะ ภ.จว.ลำปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ขอแจ้งเตือนภัยไปยังผู้กระทำผิดอย่าทำศาสนาต้องมัวหมอง โดยใช้การหลบหนีคดีมาบวชหรือปฏิบัติธรรม หากสำนึกผิดจริงๆ ต้องรับโทษทางกฏหมายให้เรียบร้อยก่อน จะไม่ทำให้ศาสนาเสียหาย และหากพบการกระทำผิดหรือขอความช่วยเหลือโปรดแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.