เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดมวลชนจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ก่อนเคลื่อนพลไปสมทบกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่ตั้งเวทีเตรียมปราศรัยอยู่ที่แยกอโศกมนตรี โดยเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากแยกราชประสงค์พร้อมบีบแตรยาว และใช้เส้นทางถนนสุขุมวิทเพื่อมุ่งสู่แยกอโศกมนตรี โดยเคลื่อนขบวนรวมทั้งหมด 3 รอบ
โดยนายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเคลื่อนขบวนว่า สำหรับการชุมนุมขณะนี้เป็นการสร้างรูปแบบผสมจากจุดแข็งเดิมคือคาร์ม็อบที่สามารถให้ประชาชนออกมามีส่วนร่วมได้จำนวนมาก โดยทุกครั้งจะมีการประเมินว่า มวลชนออกมาร่วมสมทบกันอย่างมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมในรูปแบบคาร์ม็อบ ส่วนตัวมองว่าเป็นการข้ามพ้นข้อจำกัดของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ประชาชนยังไม่ค่อยกล้าออกมาร่วมกิจกรรม
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้ตนต้องการสร้างให้เป็นโมเดลใหม่คือ มีการชุมนุมที่แยกอโศกมนตรี ซึ่งใช้เป็นฐานที่มั่นสะสมกำลัง และมีการเคลื่อนรถผ่าน ให้เห็นภาพทั้งคาร์ม็อบ และคนม็อบนอกจากนี้ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ครั้งสำคัญขอให้มวลชนเตรียมติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมอย่างแน่นอนเพียงแต่ในช่วงนี้ต้องให้ประชาชนที่ออกมาทำกิจกรรมเข้าใจในการชุมนุมและมีส่วนร่วมด้วยกัน นอกจากนี้ตนยอมรับว่าขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เอื้อ ต่อการชุมนุมในสมัยเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งคนปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ต้องการยืดเยื้อ ประกอบกับ กลุ่มพี่น้องจากภูมิภาคยังไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่กทม. ได้แม้แต่อย่างใด
“การชุมนุม 2 วันที่ผ่านมา โดยส่วนตัวและผู้จัดต่างพึงพอใจเพราะเห็นมวลชนออกมาร่วมกิจกรรมกัน มีทั้งกลุ่มคนหนุ่ม-สาว ที่ออกมาร่วมกับกลุ่มคนรุ่นใหญ่ แต่สำหรับการชุมนุมครั้งต่อไปจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้แต่ละกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมและมีพื้นที่ในการแสดงออกได้มากขึ้น นอกจากนี้การชุมนุมของกลุ่มเยาวรุ่นถือว่าเป็นคนละขบวนมาตั้งแต่ต้น โดยส่วนตัวเป็นห่วงสถานการณ์ทั้งของประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมรวมถึงเจ้าหน้าที่แต่ก็เคารพแนวทางการต่อสู้ของแต่ละฝ่ายและอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ ให้เข้าใจว่าเยาวชนเหล่านี้คือผู้ที่มีบาดแผลในชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 บางคนต้องสูญเสียครอบครัว บางคนต้องตกงานเมื่อถึงจุดหนึ่งคนเหล่านี้จึงเลือกแสดงออกที่ไม่เหมือนกัน รัฐต้องอดทนอดกลั้นแต่ที่ผ่านมาตนก็เสนอแนวสันติให้กับทุกกลุ่มรวมถึงภาครัฐด้วย” เลขาธิการ นปช. กล่าว
