เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. แฟนเพจ “สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต” ได้ออกมาเผยแพร่แถลงการณ์โดยสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์กรภาคประชาชน นิสิต และนักศึกษา รวมทั้งสิ้น 50 องค์กร ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง “เรียกร้องให้สถานศึกษาเคารพสิทธิ และเสรีภาพเหนือร่างกาย”

ระบุว่า “สิทธิและเสรีภาพไม่เคยได้มาด้วยการร้องขอ แต่ได้มาจากการต่อสู้ของประชาชนผู้ตระหนักในอำนาจและอุดมการณ์ของตนเอง สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์กรเครือข่ายกว่า 50 องค์กร ขอเเถลงการณ์เรียกร้องให้สถานศึกษาเคารพสิทธิ เเละเสรีภาพเหนือร่างกาย”

โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าว ได้ระบุว่า จากกรณีการเรียกร้องให้สถานศึกษาเคารพสิทธิเสรีภาพเหนือร่างกาย โดยให้สามารถแต่งกาย ด้วยชุดไปรเวท หรือทําทรงผมใด ๆ เข้าเรียนในสถานศึกษาได้ ที่กําลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เป็นเหตุให้เกิดกระแส ทางสังคมอย่างหลากหลายถึงความเหมาะสม จนไปถึงการตัดสินว่าการอารยะขัดขืนโดยไม่สวมเครื่องแบบ และการย้อมสีผมเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวสุดโต่ง

สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์กรนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ทั้งสิ้นจํานวน 50 องค์กร ได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอยึดมั่นในหลักการสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล สนับสนุนให้นักเรียน จากทุกโรงเรียน ตลอดจนนิสิตนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัย สามารถเลือกเครื่องแต่งกายรวมไปถึงทรงผมเข้าเรียน ได้อย่างเสรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคแรก บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่ 3 ความว่า บุคคลมีสิทธิ ในการดํารงชีวิตในเสรีธรรมและในความมั่นคงแห่งร่างกาย และไม่ควรมีกฎระเบียบ วินัย หรือจารีตใดอยู่เหนือสอง หลักการนี้

ดังนั้น สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์กรนักเรียน นิสิตและนักศึกษา ทั้งสิ้นจํานวน 50 องค์กร ขอเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจน สถานศึกษาทุกแห่ง แก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับให้นักเรียน นิสิต และนักศึกษา โดยเปิดกว้างให้สามารถแต่งกาย ด้วยชุดไปรเวทเข้าเรียนในสถานศึกษา และแก้ไขกฎระเบียบของสถานศึกษาให้ปราศจากการบังคับเกี่ยวกับ การทําผม อาทิ ความยาว ทรงผม หรือสีผม โดยอยู่บนหลักการของการเคารพสิทธิเสรีภาพในทุกมิติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการที่ไม่มีใครต้องถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ให้เกิดพื้นที่แห่งการแสดงออกอย่างหลากหลาย และสร้างความตระหนักรู้ถึงการเคารพอัตลักษณ์อันแตกต่างของผู้อื่นต่อไป อันเป็นสิ่งที่สถานศึกษาควรบ่มเพาะ มากกว่าการปลูกฝังวินัยและจารีตอย่างที่เป็นมา

ท้ายที่สุดนี้ การเรียกร้องให้สถานศึกษาเคารพสิทธิเสรีภาพเหนือร่างกายของเราอยู่บนหลักการที่ว่าทุกคน ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในร่างกายของตนเอง หากสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานเช่นนี้ยังไม่ได้รับการรับรอง จากสถานศึกษาซึ่งเป็นสถาบันสําคัญในการสร้างพลเมืองของประเทศ เราก็มิอาจวางใจว่าการละเมิดสิทธิเสรีภาพอื่นๆ จะไม่เกิดขึ้น และความเป็นประชาธิปไตยอันเป็นหลักการสําคัญที่สุดของประเทศนี้ก็จะไม่มั่นคง

ความอันตรายที่สุดของสังคมไทยเวลานี้ หาใช่รัฐที่สามานย์ฉ้อฉล หากแต่เป็นคนบางพวกที่ติดกับดักตนเอง..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต