จากกรณีที่กำลังเป็นที่วิจารณ์อยู่ขณะนี้ สำหรับ “หยก-ธนลภย์” เยาวชนวัย 15 ปี ที่แต่งชุดไปรเวทและย้อมผมไปเรียนหลายสัปดาห์ ได้ออกมาประกาศว่าถูกไล่ออกแล้ว และพยายามปีนรั้วหลายครั้งเพื่อเข้าไปเรียน วันนี้ทีมข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนไปย้อนวีรกรรมของ “หยก” เยาวชนวัย 15 ปี จากอดีตผู้ต้องหา ม.112 ที่อายุน้อยที่สุด สู่การสิ้นสภาพความเป็นนักเรียน

สำหรับ “หยก-ธนลภย์” อายุ 14 ปีเศษ จบมัธยมต้นโรงเรียนรัฐบาล ในกรุงเทพมหานคร และกำลังอยู่ในช่วงเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอเริ่มมีความสนใจทางการเมือง เมื่อช่วงที่มีกระแสการเคลื่อนไหวของนักเรียนในช่วงปี 2563-64 เธอจึงเริ่มหาข้อมูล เรื่องการเมือง การเคลื่อนไหว และการทำกิจกรรมเพื่อแสดงความคิดและแสดงออกทางการเมืองของประชาชนจากอินเทอร์เน็ต และได้ทดลองเข้าร่วมกิจกรรมการเมือง ที่มวลชนกลุ่มต่างๆ จัดขึ้นในช่วงปี 2565

โดยกิจกรรมการเมืองงานแรกที่หยกเข้าร่วมคือ งานรำลึกถึงการจากไปของนักเขียนผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนวาระสุดท้าย ได้แก่ “วัฒน์ วรรลยางกูร” เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2565 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา บริเวณสี่แยกคอกวัว

นอกจากนี้ “น้องหยก” ได้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม “นักเรียนล้มฯ” ขึ้น เพื่อให้เป็นกลุ่มสำหรับเคลื่อนไหวภายนอกรั้วโรงเรียน โดยมีข้อเรียกร้องหลักๆ 3 ข้อ ได้แก่ ข้อ 3 ไฟเย็น, ปลดแอกกัญชาเสรี, ประชาชนอายุ 15 ปี มีสิทธิเลือกตั้ง

ที่ผ่านมาเธอเคยเป็นผู้ถูกหมายเรียกในคดีมาตรา 112 จากข้อมูลพบว่า เธอมีอายุน้อยที่สุดเพียง 14 ปีเท่านั้น จากการแจ้งความโดย “อานนท์ กลิ่นแก้ว” แกนนำสมาชิกศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเหตุที่ถูกกล่าวหา เกิดจากการแสดงออกในกิจกรรมทางการเมือง “13 ตุลาหวังว่าสายฝนจะพาล่องไป” ที่บริเวณเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็นกิจกรรมการรณรงค์ให้ปล่อยนักโทษการเมืองและยกเลิกมาตรา 112 โดยใช้ป้ายผ้าและการเขียนข้อความ

วันที่ 18 พ.ค. 66 ศาลสั่งปล่อยตัว “น้องหยก” จากคดีมาตรา 112 หลังถูกคุมขังที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จ.นครปฐม เป็นเวลา 51 วัน โดยให้เหตุผลว่า การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นต้องคุมขังต่อ

ล่าสุด หยก ได้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แต่งชุดไปรเวทและย้อมผมไปเรียนหลายสัปดาห์ พร้อมออกมาเรียกร้องเสรีเครื่องแต่งกาย ต่อมาเจ้าตัวออกมาประกาศว่าถูกไล่ออกแล้ว และพยายามปีนรั้วโรงเรียนอยู่หลายวันเพื่อเข้าไปเรียน ภายหลังทางโรงเรียนได้ประกาศสิ้นสภาพนักเรียนแล้ว พร้อมให้เหตุผลว่า หยกยังไม่ได้มามอบตัว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียน

แม้ว่าทางโรงเรียนจะออกมาประกาศว่า “หยก” สิ้นสภาพการเป็นนักเรียนแล้วก็ตาม แต่หยกก็ยังพยายามเข้าไปเรียนพร้อมกับแต่งชุดไปรเวท เสรีทรงผมอยู่ และปัจจุบันทางโรงเรียนก็อนุโลมให้เข้าไปเรียนกับเพื่อนๆ ได้ แต่ก็ยังมีกระแสข่าวว่า ทางครูไม่ตรวจงานให้ เนื่องจากไม่ใช่นักเรียน
-‘หยก’ เข้าเรียนหนังสือตามปกติ ส่งงานครูไม่ตรวจเหตุไร้ชื่อแล้ว

อย่างไรก็ตาม สาเหตุการถูกไล่ออกจะไม่ใช่เรื่องของการแต่งชุดไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน แต่ประเด็นดังกล่าวก็ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกครั้ง ว่าชุดยูนิฟอร์มนักเรียนจำเป็นหรือไม่ และมีผลอย่างไรกับการเรียน ซึ่งสังคมต่างมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกัน…