จัดเป็นอีกหนึ่งนักแสดงดังที่หลายคนหลงรักและชื่นชอบหนักมากสำหรับสาว แป้ง อรจิรา ที่ล่าสุดเธอมาเปิดบทบาทใหม่กับการเป็นคุณแม่ที่บอกเลยว่าทำชีวิตของเธอเปลี่ยนไปมาก พร้อมหอบลูกสาว น้องเลอา วัยขวบครึ่งมาออกรายการครั้งแรก รวมถึงคุณแม่แป้ง ได้ย้อนเล่าอาการป่วยของลูกสาวภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ผ่านรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็มด้วย

แป้ง เผยว่า “พัฒนาการลูก คุณหมอบอกว่าอยู่ตามเกณฑ์ เราไม่เคยมีลูก เราก็ไม่รู้ว่าตามเกณฑ์ของคนอื่นมันเป็นยังไง แต่เขาก็พูดตามอายุที่เขาจะพูด เขาไม่ได้เป็นเด็กงอแงที่จะร้องไห้ไม่มีเหตุผล เรื่องทะเลาะกับสามีเรื่องเลี้ยงลูกมีบ้าง เพราะส่วนใหญ่เราเป็นคนใช้เวลากับลูก เขาจะออกไปทำงานนอกบ้าน พอกลับมาจะมีบ้างเห็นลูกไม่ทำอะไรอย่างนี้ ทำไมไม่สอน ทำไมไม่บอกให้ลูกทำแบบนี้ๆ เรื่องให้ลูกเรียนตั้งแต่ขวบนิดๆ  คือคุณสามีเป็นคนสิงคโปร์ พอ 6 ขวบต้องย้ายกลับไปเรียนที่สิงคโปร์ เพราะว่าการศึกษาที่สิงคโปร์ค่อนข้างแน่น ไปช้ากว่านั้นกลัวว่าเรียนไม่ทันแล้วจะเครียด ถ้าส่งไปตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยมันทำความเครียดให้เป็นความธรรมดา แต่ถ้าเขาอยู่ชิลๆ ที่เมืองไทย แล้วไปเข้าโรงเรียนเครียดๆ เขาปรับตัวไม่ได้จะกลายเป็นเด็กเครียด ก็เลยคิดว่า พอ 6-7 ขวบจะย้ายให้ไปเรียนที่นู้น เรื่องงานในวงการคือไม่ใช่ไม่อยากให้เขาทำนะ มันมีช่วงเวลาของมัน แล้วก็พูดจริงๆ เราก็เข้าวงการเร็ว มันมีช่วงที่เราเสียนิสัยก็มีเราอยากให้เขารับรู้ถึงความเป็นคนธรรมดาก่อน การใช้ชีวิตหาเงินไม่ได้ง่ายๆ อยากให้เขามีความสามารถ ร้องเพลงได้ เต้นเป็น เพราะว่าแม่ชอบ แม่อยากดู แต่อยากให้เขาเอาเรื่องวิชาการป๋นหลักมากกว่า แต่ก็ไม่ได้กำหนด แต่ถ้าเลือกได้ อยากให้เขาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา”

เรื่องวิกฤตของลูกคือลูกเกิดมาตัวค่อนข้างเล็ก 2.2 โล ถือว่าเล็กมาก เราไม่เคยผ่านการมีลูกมาก่อน เราไม่รู้ว่าเด็กตอนเพิ่งเกิดจะนอนเยอะ นอนน้อย ตื่นหรือเล่นยังไง เราก็มีความพะวง แล้วตอนเขาเกิดมาเขามีความเหี่ยวๆ นิดนึงเพราะเขาเกิดก่อนกำหนด แล้วเขาไม่โตในท้อง ตอนคลอดตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิด เราคบกัน 2-3 ปีโดยที่ไม่เคยเจอครอบครัวเขา เราอยากไปเห็นว่าคุณพ่อ คุณแม่เป็นยังไง อย่างน้อยตอนเขาเกิดมา เขาจะได้เห็นคุณปู่ คุณย่า แล้วเราไม่ได้เดินทางหลายปี เปลี่ยนบ้างก็ดี เลยไปคลอดที่สิงคโปร์จริงๆ หมอที่นู้นอธิบายน้อย มีเวลาให้เราสั้น วัฒนธรรมการคลอดก็แปลก เราหาหมอที่นี่ แต่หมอจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล หมอจะอยู่ตามห้าง คลินิกหมออยู่ห้าง ถ้าจะคลอดต้องไปคลอดที่โรงพยาบาล มันไม่วันสต็อปเซอร์วิชหมอคนนี้ออฟฟิศอยู่ที่นี่ ถ้าต้องใช้ห้องที่โรงพยาบาลก็ต้องไปใช้ที่โรงพยาบาลนี้ มันค่อนข้างลำบากเหมือนกัน จริงๆ ต้องบังคับให้คลอดก่อน เพราะว่าน้องตัวไม่ค่อยโตในวีคหลังๆ คุณหมอเลยแนะนำให้ออกมาโตข้างนอกดีกว่า  ร้องไห้ทุกวันเลย เพราะเราสังเกตและรู้ว่ามันมีอะไรไม่ปกติ แบบทำไมลูกเราตื่นน้อยกว่าชาวบ้าน ดูไม่อะเลิทเขานอนเยอะ ตื่นน้อย แล้วตอนให้นมมีอยู่ช่วงหนึ่งไม่ดูด ทำไมมันผิดปกติ หลังจากนั้นเริ่มไม่ถ่าย ปกติเด็กต้องถ่ายทุกวันใช่ไหม นี่เริ่ม 5 วัน เริ่มเครียด เราก็พาไปหาหมอ ตัวก็เหลือง แต่เราคิดว่าเขาตัวคล้ำ ไม่รู้ว่าตัวเหลืองคืออะไรหมอเลยจับตรวจเลือด น้องมีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเราไปอ่านดูฮอร์โมนตัวนี้มันสำคัญมากๆ ถ้าไม่มีตัวนี้สมองจะไม่พัฒนา ถ้าใครรู้หลัง 2 เดือน เด็กมีสิทธิ์เป็นเอ๋อ เลอารู้ตอนเดือนนึง เราร้องไห้ ซึ่งหมอที่นู้นไม่เหมือนเมืองไทย ไปหาต้องนัดล่วงหน้า แล้วระหว่างที่เรารอโดยไม่รู้อะไร แล้วเราเป็นคนนอยจะเสิชอ่านแต่ในกูเกิ้ล จะมีแบบนี้ อันนี้ทำไม่ได้ ก็ยิ่งนอยไปใหญ่”

แป้ง เล่าต่อว่า “วิกฤตตอนนั้น อยู่กับมัน อดทน ตอนแรกไม่คิดว่ามันมีผล คิดว่าแข็งแรง อยู่ที่ไหน เพื่อนโทรศัพท์คุยกันก็ได้ แต่เอาจริงๆ พอกลับมาเมืองไทยเรารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย คุณแม่บอกโรงพยาบาลนี้ไหม ไปถามหมอโรงพยาบาลนี้ไหม ทุกคนช่วยกันดู ภาวะแบบนี้เป็นยังไง คือตลกมาก แป้งทำคลิปเกี่ยวกับภาวะน้อง พอออกไปมีเพื่อนที่ลูกเขาก็เป็นเหมือนกัน คือเมืองไทยเขารู้เร็วกว่าเรา รู้ตั้งแต่คลอด เพราะฉะนั้นสามารถให้ฮอร์โมนทดแทนได้ตั้งแต่ตอนรู้ แต่ของเลอาอาจจะรู้ช้านิดนึง แต่ไม่เป็นไรยังทันอยู่ เรื่องรักษา ต้องให้ฮอร์โมนทดแทน ทุกเช้าเขาจะต้องกินฮอร์โมนทุกวัน ถามว่าต้องกินนานไหม ก็กินไปตลอด ปัจจุบันก็ยังกินอยู่ ถ้าโชคดีตอน 3 ขวบ อยู่ดีๆ ต่อมไทรอยด์เขาเกิดผลิตขึ้นมาได้ก็ถือว่าโชคดี หยุดยาได้ แต่ตอนนี้หยุดไม่ได้เพราะว่า 1-3 ปี เป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนา ส่วนคอมเมนต์ด่าลูกแป้งคือมันมีรูปที่น้องใส่เสื้อแล้วไหล่หลุดนิดนึงแล้วเขาก็ยิ้ม อาจจะดูเย้ายวนใจ เขาพิมพ์ว่า แรดจังเลย แป้งเปิดเข้าไปดู เขาเที่ยวเมืองนอก ดูธรรมะ ธรรมโม ตอนแรกจะฟ้องแล้ว แต่เราดันใจเร็ว สตอรี่ไปแบบโกรธ เขาคงรู้ตัวทันแล้วลบไอจีเขาไปไม่ได้เครียดแต่โมโห พอเราเป็นแม่ เราไม่รู้หรอกนะว่าจะรักอะไรได้มากกว่าตัวเอง เพราะว่าทั้งชีวิตนี้ฉันรักแต่ตัวเอง พอมีลูกนี่คือสิ่งมีค่าที่สุดของฉันปรึกษาทนายแล้วด้วย มันต้องแจ้งความแล้วมันต้องเอาชื่อจริง นามสกุลจริง อย่างที่บอกตอนแรกเราสตอรี่ไปก่อนแล้วเขาไหวตัวทัน เขาลบไอจีออกไปก่อน สามีเราบอกว่าเขาจะซอฟๆ หน่อย ยูไม่ต้องฟ้องหรอก พิมพ์ไปให้เขาออกมาขอโทษ”