รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งว่า จากการติดตามตรวจสอบการเรียกเก็บค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศ ของชั้นโดยสารชั้นประหยัด โดยรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของสายการบินที่ให้บริการ 6 ราย ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยสมายล์, ไทยแอร์เอเชีย, นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ช่วงไตรมาสที่ 1/66 (ม.ค.-มี.ค. 66) พบว่า ไม่พบการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินเพดานที่สายการบินได้รับอนุมัติตามหลักเกณฑ์ของ กพท. โดยกลุ่มเส้นทางบินที่ไม่ควบคุมค่าโดยสาร ระยะทางบินไม่เกิน 300 กิโลเมตร (กม.) มีการเดินทางภาคพื้นไม่สะดวก และเป็นการบินเชื่อมระหว่างภาค ให้บริการรวม 34 เส้นทาง โดยเส้นทางบินที่ค่าโดยสารสูงสุด ได้แก่ เส้นทาง เชียงราย-ภูเก็ต 10,779 บาท ส่วนเส้นทางที่ค่าโดยสารต่ำสุด ได้แก่ เส้นทาง ขอนแก่น-เชียงใหม่ 1,067 บาท 

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ส่วนกลุ่มเส้นทางบินที่ควบคุมค่าโดยสาร ระยะทางบินไม่เกิน 300 กม. และมีการเดินทางภาคพื้นไม่สะดวก เพดานค่าโดยสารไม่เกิน 22 บาทต่อ กม. มีให้บริการ 7 เส้นทาง โดยเส้นทางที่ค่าโดยสารสูงสุด และต่ำสุด ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ตราด สูงสุด 5,120 บาท และต่ำสุด 2,030 บาท ซึ่งเส้นทางนี้มีสายการบินเดียวที่ให้บริการ จึงไม่มีการแข่งขันด้านราคา ขณะที่กลุ่มเส้นทางบินที่ระยะทางบินเกิน 300 กม. และให้บริการเต็มรูปแบบ เพดานค่าโดยสารไม่เกิน 13 บาทต่อ กม. ให้บริการ 26 เส้นทาง โดยเส้นทางที่ค่าโดยสารสูงสุด ได้แก่ เส้นทาง หาดใหญ่-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 8,580 บาท ส่วนเส้นทางที่ค่าโดยสารต่ำสุด ได้แก่ เส้นทาง ขอนแก่น-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) และ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ขอนแก่น 1,430 บาท

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับสถานการณ์ค่าโดยสารของบริการแบบต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ในกลุ่มเส้นทางบินที่มีระยะทางเกิน 300 กม. เพดานค่าโดยสาร 9.40 บาทต่อ กม. พบว่า มีการให้บริการ 70 เส้นทาง โดยเส้นทางที่ค่าโดยสารสูงสุด ได้แก่ เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) 7,165 บาท ส่วนค่าโดยสารต่ำสุด ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ขอนแก่น 529 บาท ซึ่งเป็นค่าโดยสารราคาพิเศษ และมีจำนวนที่นั่งจำกัดด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาความสามารถในการให้บริการ พบว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีสัดส่วนเส้นทางภายในประเทศสูงสุด คิดเป็น 31% รองลงมา สายการบินนกแอร์ 22% และสายการบินไทยไลออ้อนแอร์ 14% 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศ ในไตรมาสที่ 2/66 (เม.ย.-มิ.ย.66) แนวโน้มค่าโดยสารจะปรับตัวในทิศทางลดลงจากไตรมาสที่ 1/66 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) แต่ก็ยังมีช่วงที่เป็นวันหยุดยาว ดังนั้นอาจส่งผลต่อราคาค่าโดยสารที่อาจสูงขึ้นในช่วงดังกล่าวได้ เพราะประชาชนมีความต้องการเดินทางสูง นอกจากนี้การรับภาระต้นทุนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลานาน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน และภาวะเงินเฟ้อ ทำให้สายการบินต่างๆ มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก จึงคาดว่าในไตรมาสที่ 2/66 ระดับราคาค่าโดยสารจะยังคงรักษาระดับ หรือปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ 1/66.