สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า สมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) มีมติในการประชุมเมื่อวันศุกร์ ด้วยเสียงข้างมาก 132 เสียง คัดค้าน 10 เสียง และงดออกเสียง 15 เสียง ในการรับสหรัฐกลับเข้าเป็นสมาชิก องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)

ทั้งนี้ ประเทศที่ออกเสียงคัดค้าน รวมถึง จีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และซีเรีย ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของยูเนสโก ออกแถลงการณ์แสดงความยินดี การที่สหรัฐซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศร่วมก่อตั้งยูเนสโก ได้รับความเห็นชอบให้กลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 รัฐบาลวอชิงตันในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกยูเนสโก เพื่อตอบโต้กรณีที่ยูเนสโก “เลือกปฏิบัติ” ต่ออิสราเอล โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนถึงการถอนตัว ซึ่งมีผลเมื่อสิ้นปีเดียวกัน รัฐบาลวอชิงตันเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของยูเนสโก ด้วยสัดส่วน 22% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็นประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,645.25 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีมติเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา จัดสรรงบประมาณ 150 ล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 5,290.50 ล้านบาท) สำหรับมอบความสนับสนุนให้แก่ยูเนสโก

อนึ่ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐถอนตัวออกจากยูเนสโก ย้อนกลับไปเมื่อปี 2527 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น นำสหรัฐลาออกจากยูเนสโก ด้วยเหตุผลว่า นโยบายบางข้อของยูเนสโกแฝงไปด้วยแนวคิด “ต่อต้านอเมริกา” ก่อนที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จะนำสหรัฐสมัครกลับเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2545

นอกจากนั้น รัฐบาลวอชิงตันสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยระงับการมอบเงินสนับสนุนให้แก่ยูเนสโก เมื่อปี 2554 เพื่อประท้วงการรับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิก.

เครดิตภาพ : AFP