นับถอยหลังอีกไม่กี่อึดใจใกล้ถึงเวลาเปิดประชุมร่วมรัฐสภา วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. เวลา 09.00 น. เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 โดยหลายฝ่ายประเมินว่าการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันสวนผสม (MMA) ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบเปลี่ยนไปเป็นระบบเลือกตั้งแบบคู่ขนาน (MMM) ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบทำให้พรรคใหญ่ได้เปรียบขณะที่พรรคเล็กอาจถึงขั้นสูญพันธุ์
พปชร.มั่นใจโหวตแก้ รธน.ไม่แตกแถว
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีความมั่นใจวันที่ 10 ก.ย. ส.ส.พรรค พปชร. จะยกมือโหวตไปในทิศทางเดียวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นแนวทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. สนับสนุน แม้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า ให้ ส.ส.พรรค พปชร. ฟรีโหวตแก้รัฐธรรมนูญ
“ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีความเป็นเอกภาพ แต่การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ ดังนั้นพรรคไม่สามารถสั่งส.ส.โดยเป็นมติพรรคได้ แต่ที่ผ่านมา ส.ส.ฐานะสมาชิกพรรคมีทิศทางที่ไปทำนองเดียวกัน” นายไพบูลย์ กล่าวพร้อมย้ำ พรรค พปชร.มีเอกภาพ และสนับสนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
ปชป.ขอร่วมถอดสลักทางการเมือง
เช่นเดียวกับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ผันผวนอื่น ยังมั่นใจร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบในวาระ 3 และหวัง รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นของทางออกปัญหาทางการเมือง ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้ระบบบัตร 2 ใบ ที่จะทำให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งขึ้น
“แม้การลงมติจะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือจำนวน 84 เสียง เสียง ส.ส.ฝ่ายค้าน ร้อยละ 20 แต่ผมมั่นใจการลงมติในวาระ 3 ครั้งนี้จะไม่มีเหตุผลอื่น เพราะในการพิจารณาชั้น กมธ. มีการแก้ไขประเด็นที่เห็นต่างจึงมั่นใจว่าการลงมติวาระ 3 จะมีความเห็นชอบอย่างพร้อมเพียงกัน” นายชินวรณ์ กล่าวและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสลัดผลประโยชน์ของตัวเอง ร่วมกันถอดสลักทางการเมือง
พรรค ชทพ.เคาะมติ เปิดฟรีโหวต
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่าที่ประชุม ส.ส.พรรค ชทพ. เห็นพ้องให้ฟรีโหวต เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. พร้อมเปิดเผยส่วนตัวเตรียมให้ความเห็นชอบเรื่องบัตร 2 ใบส่วนประเด็น บางฝ่ายสงสัยการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้สามารถทำได้หรือไม่นั้น นายนิกร ยืนยันกรรมาธิการได้ถอดมาตราที่กังวลจะมีปัญหาออกทั้งหมดเหลือเพียงมาตรา 86 มาตราเดียวที่จำเป็นต้องแก้ตามคำแปรญัตติ เพราะมีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ อีกทั้งที่ประชุมรัฐสภายืนยันแล้วว่า สามารถทำได้ มีมติยืนยันชัดเจน
‘เพื่อไทย’ ชี้ตัวชี้ขาดอยู่ที่ส.ว.
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยอมรับประเมินการลงมติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 ยากเนื่องจากสถานการณ์สับสน เพราะตัวชี้ขาดคือเสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง บทสรุปตอนนี้ออกได้ 2 ทาง เดาใจยากแต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่วิตกว่าเรื่องบัตร 1 ใบ หรือบัตร 2 ใบมั่นใจพรรคเพื่อไทย ชนะ
‘ก้าวไกล’ เปรียบ หัวกุดท้ายมังกร
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ยืนยันว่าเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และไม่เห็นด้วยกับบัตรเลือกตั้งใบเดียวของรัฐธรรมนูญ ปี 60 แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้กลับแก้ไขไปเป็นแบบรัฐธรรมนูญ ปี 40 ซึ่งทำให้พรรคใหญ่เกิดการกินรวบพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับนี้ไม่เรียบร้อย ลุกลี้ลุกลน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ ส.ส.พึงมี กล่าวคือ มีการแก้ไขให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะเดียวกันยังคงมาตรา 93 และมาตรา 94 ให้ต้องคำนวณ ส.ส.พึงมีไว้ตามเดิม เสมือนเป็น “หัวกุดท้ายมังกร”
“การโหวตวาระสามในวันที่ 10 ก.ย. จะผ่านหรือไม่ผ่านอยู่ที่ 2 ส่วน คือ 1. เสียงของ ส.ว. เพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 อนุหก กำหนดว่าต้องได้เสียงเห็นชอบจาก ส.ว. 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด หรือ 84 เสียง และ 2. อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไร และอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะยื่นดาบให้ศัตรูเพื่อมาฆ่าตัวเอง” นายธีรัจชัย กล่าว.