สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า รูโต กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว “พ้นกำหนดมานานแล้ว” และมีเป้าหมายเพื่อสร้างงาน รวมถึงเปิดภาคส่วนของเศรษฐกิจที่พึ่งพาผลิตภัณฑ์จากป่าไม้

“เราไม่ควรมีต้นไม้เน่าอยู่ในป่า ขณะที่ชาวบ้านต้องทนทุกข์กับการขาดท่อนไม้ นั่นเป็นความโง่เขลา” รูโต กล่าวเพิ่มเติม “นี่คือเหตุผลที่พวกเราตัดสินใจเปิดป่าและเก็บเกี่ยวไม้ เพื่อสร้างงานให้กับเยาวชน และเป็นการเปิดธุรกิจอีกด้วย”

ถึงแม้รูโตจะตั้งตนเป็นแนวหน้าในความพยายามของแอฟริกา ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และกล่าวว่า รัฐบาลจะผลักดันแผนการปลูกต้นไม้ 15,000 ล้านต้น ในระยะเวลา 10 ปี แต่การยกเลิกคำสั่งห้ามครั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับคนเลื่อยไม้และคนขายไม้ ซึ่งประท้วงว่า คำสั่งข้างต้นทำให้พวกเขาเสียงานครั้งใหญ่

ขณะที่องค์กรสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ แอฟริกา” กล่าวเตือนว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม โดยองค์กรระบุในคำร้องคัดค้านความเคลื่อนไหวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “ในเคนยา ป่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก และสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งประชาชนหลายล้านคนต้องพึ่งพาป่าเหล่านี้ในการดำรงชีวิต”

“นับตั้งแต่รัฐบาลเคนยาสั่งห้ามการตัดไม้เมื่อ 6 ปีก่อน การคุ้มครองป่าและการต่อสู้กับวิกฤติสภาพอากาศมีความคืบหน้าอย่างมาก” กรีนพีซ แอฟริกา ระบุ “การยกเลิกคำสั่งห้าม จะลบล้างการทำงานอย่างหนักทั้งหมดของพวกเรา ขณะเดียวกัน มันจะเปิดโอกาสให้กับการตัดไม้เชิงพาณิชย์และผิดกฎหมาย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำไรเท่านั้น ส่งผลให้ป่าไม้ของเรา ตกอยู่ในความเสี่ยงจากคนเลื่อยไม้ ซึ่งไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา”.

เครดิตภาพ : AFP