เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภา หลังจากผ่านวาระการเลือกประธานสภาแล้ว ซึ่งมีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียว คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา โดยไม่มีการลงมติแข่งขัน เพราะไร้คนเสนอชื่อแข่ง 

จากนั้น เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานสภาชั่วคราว แจ้งให้เข้าสู่ขั้นตอนเลือกรองประธานสภา จำนวน 2 คน โดยต้องเลือกรองประธานสภา คนที่หนึ่ง ให้แล้วเสร็จก่อน จึงต่อด้วย รองประธานสภา คนที่สอง  

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายปดิพัทธ์ ส้นติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภา คนที่หนึ่ง อย่างไรก็ดี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นคู่ชิงตำแหน่ง ทำให้ต้องลงคะแนนเป็นการลับ ผ่านบัตรลงคะแนน 

จากนั้นประธานสภาชั่วคราวได้ให้ผู้ถูกเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์ โดยนายปดิพัทธ์ แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า เป็นความรับผิดชอบของตนที่จะสนับสนุนองค์กรนิติบัญญัติ และสนับสนุนประธานสภาที่ได้รับเลือกจาก ส.ส. ​ทั้งนี้ ในกระบวนการนิติบัญญัติแนวทางของตน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตน คือ พัฒนากระบวนการนิติบัญญัติให้เป็น Smart Parliament เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่น ศรัทธาจากประชาชนและสากล นอกจากนั้น สภาต้องตรวจสอบได้ โดยเฉพาะให้ประชาชน ฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียงในการพิจารณาติดตามร่างกฎหมาย ฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย นอกจากนั้นต้องแปลกฎหมายที่ผ่านมาวาระสามของสภา และมีผลบังคับใช้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกับอาเซียนและประชาคมโลก นอกจากนั้นคือ ส่งเสริมความเท่าเทียมสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศ บทบาทสตรี และ ส.ส. ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี   

“ต้องยกระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ไม่ใช่แค่เลือกตัวแทนทำงานในสภา รวมถึงการรับฟังความคิดเห็น สะท้อนเสียงประชาชนสู่สภาได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้หากตนได้รับเลือก ตลอดการทำงาน จะวางตัวเป็นกลาง ใช้ความสามารถพัฒนาองค์กร เป็นระบบราชการทันสมัยและตอบสนองประชาชน และการทำงานของ ส.ส. ให้เต็มศักยภาพ ดังนั้นผมขอความไว้วางใจ ในการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมา ในฐานะกรรมาธิการฯ สมาชิกเห็นการทำงานของตนแล้วว่า มีความเป็นกลาง ดังนั้นตนมั่นใจและสัญญาว่าจะสนับสนุนงานของประธานสภาให้ดีที่สุด บริการ ส.ส. ทุกคนอย่างเท่าเทียม ปราศจากอคติ และทำทุกวิถีทางให้กระบวนการนิติบัญญัติสง่างาม และมีประสิทธิภาพ” นายปดิพัทธ์ กล่าว 

ขณะที่นายวิทยา แสดงวิสัยทัศน์ ว่า ตนจะทำงานด้วยความเป็นกลาง และรักษาองค์กรสภานิติบัญญัติ ให้เป็นสภาที่ทรงเกียรติและศักดิ์สิทธิ์สถานที่นี้ เป็นสถานที่ที่ออกกติกาของสังคม ตนเชื่อว่าหากทำหน้าที่รองประธานสภา จะปฏิบัติตามแนวนโยบายและทำหน้าที่เป็นกลาง เสมอภาค กับ ส.ส. ในสภา และมั่นใจว่าจะรักษาเกียรติภูมิและหน้าตาของสภา 

“ขอให้มั่นใจว่าจะวางตัวเป็นกลางและรักษาเกียรติภูมิให้ประชาชนเชื่อมั่น ยอมรับว่าบางยุคบางสมัยประชาชนเบื่อหน่าย รำคาญ สภาไร้ระเบียบวินัย เราต้องช่วยกันทำให้สภามีเกียรติภูมิขอให้ความมั่นใจ ในสมัยของสภาชุดนี้ จะทำหน้าที่เป็นกลางและรักษาเกียรติภูมิของสภาไว้ให้ดีที่สุด” นายวิทยา กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรางานว่า ก่อนที่จะลงมติด้วยการลงคะแนนลับ ผ่านการเขียนชื่อผู้ประสงค์จะเลือกให้เป็นรองประธานสภา คนที่หนึ่งในคูหา นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หารือต่อที่ประชุมในการเขียนชื่อผู้ที่ ส.ส. จะเลือก ในลักษณะของบัตรดีบัตรเสีย เช่น การเขียนชื่อ หรือตัวสะกดผิด จะทำให้มีปัญหาหรือการร้องเรียนหรือไม่ อย่างไรก็ดี ที่ประชุมใช้เวลาหารือนานกว่า 20 นาที ก่อนจะมีข้อสรุปว่า ให้เขียนเฉพาะชื่อผู้ที่ประสงค์จะเลือกเท่านั้นในคูหา และจากนั้นให้นำมาหย่อนในกล่องที่เตรียมไว้ 

จากนั้น ได้ให้ ส.ส. แสดงตนก่อนลงมติ พบว่ามีผู้มาแสดงตน 493 คน และได้เข้าสู่การลงคะแนนลับ เมื่อเวลา 10.07 น. โดยเลขาธิการสภา จะเรียก ส.ส. ให้รับบัตรลงคะแนนตามลำดับอักษร 

ภายหลังการลงคะแนนลับเสร็จสิ้น ปรากฏว่า นายปดิพัทธ์ ได้คะแนน 312 เสียง ส่วนนายวิทยา ได้เพียง 105 เสียง งดออกเสียง 77 เสียง บัตรเสีย 2 ทำให้นายปดิพัทธ์ ได้รับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จากจำนวนผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 496 คน

ต่อมาในเวลาประมาณ13.35น. ได้เข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 โดยพล.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ได้ลุกขึ้นเสนอนายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และไม่มีผู้ใดเสนอชื่ออื่นขึ้นมาชิงตำแหน่ง ทำให้นายพิเชษฐ์ได้ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ตามข้อบังคับ ไม่ต้องมีการลงคะแนน  จากนั้นพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานสภาฯชั่วคราว ได้เปิดให้นายพิเชษฐ์ แสดงวิสัยทัศน์ ก่อนปิดสภา