หลังจากที่ “เอ๋” พิชชานันท์ มหาโชติ นักวิ่งวัย 44 ปี จากโพธาราม จ.ราชบุรี สร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้หญิงไทยคนแรก ที่วิ่งจบการแข่งขันเทรลระดับโลก “อัลตร้า เทรล ดู มองบลังค์” หรือยูทีเอ็มบี ที่ในระยะ 100 ไมล์ หรือ 171 กม. ผ่าน 3 ประเทศ ฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ความสูงสะสม 10,042 เมตร โดยทำเวลา 42.10.56 ชั่วโมง และจบอันดับ 56 จาก 187 คน ในประภทหญิง อันดับรุ่นอายุที่ 22 จาก 83 คน
โดยการไปแข่งขันครั้งนี้ สาวใจแกร่งจากราชบุรี ดีกรี แชมป์ไทยแลนด์ บาย ยูทีเอ็มบี 2020 ต้องวิ่งทั้งน้ำตา เมื่อทราบก่อนเริ่มแข่งขันว่า คุณแม่ได้เสียชีวิต จากการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างที่เธอเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส แต่ “เอ๋” พิชชานันท์ รวมสมาธิกัดฟันวิ่งจนจบการแข่งขัน ซึ่งมีไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ล่าสุด “กีฬาเดลินิวส์” โทรศัพท์สัมภาษณ์ พิชชานันท์ โดยเธอกล่าวว่า ตอนนี้กลับมาไทยได้ราว 1 สัปดาห์แล้ว อยู่ในช่วงขั้นตอนการกักตัว 14 วัน ในกรุงเทพฯ สำหรับคุณแม่นั้น ป่วยถึงขนาดเดินทางไปไหนมาไหนลำบากตั้งแต่ปี 2558 ตนต้องลาออกจากงานมาดูแล พร้อมกับซ้อมไปด้วย ช่วงก่อนไปแข่งขัน ตนต้องไปซ้อมเตรียมร่างกาย จึงจ้างคนดูแลคุณแม่ จากนั้นก่อนตนจะเดินทาง จะนำคุณแม่ไปฝากกับเอกชนที่รับดูแลซึ่งต้องตรวจโควิดก่อน ปรากฏว่าคุณแม่เจอเชื้อ ต้องเข้ารับการรักษาตัว มาทราบภายหลังว่าคนที่ดูแลคุณแม่ก่อนหน้านี้ ก็ติดเชื้อโควิด เข้าโรงพยาบาลไปก่อนแม่ ส่วนตนเองไม่มีเชื้อได้เดินทางไปฝรั่งเศส และฝากเพื่อนให้ช่วยดูแลคุณแม่
พิชชานันท์ เล่าต่อไปว่า ตนเดินทางคืนวันที่ 13 ส.ค. ไปถึงวันที่ 14 ส.ค. คุณแม่เสียชีวิตช่วงที่กำลังเดินทาง แต่เพื่อนปิดข่าว กลัวเสียสมาธิในการแข่งขัน กระทั่ง 7 วันผ่านไปถึงมาทราบ

“ตอนเราไปถึงแม่เสียแล้ว เรายังไม่ทราบ ก็เริ่งร่า ตื่นเต้น ดีใจได้แข่งรายการใหญ่สุดในโลก แต่ 7 วันจากนั้นถึงทราบ แม่ขึ้นสวรรค์แล้ว ความรู้สึกคือโลกมันมืดมนไปหมด ทั้งที่เราทำใจไว้แล้ว เพราะหมอบอกเชื้อลงปอด แล้วแม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ก่อนหน้าเรากราบพระทุกวัน แม่สู้ๆ นะ แม่ต้องรอหนูนะ แต่รู้เรื่องแล้วเสียใจมาก พี่ที่ไปด้วยบอกว่า เอ๋ ต้องเข้มแข็ง ทำหน้าที่ของเรา ก็บอกว่า เอ๋ขอหยุดเข้มแข็งวันนึง ขอเสียใจวันนึง ก็ร้องไห้ไปทั้งวัน จากนั้นอีก 6 วันก่อนแข่งก็ทำหน้าที่”
พิชชานันท์ กล่าวด้วยว่า พยายามวิ่งอย่างอดทน เพราะชีวิตที่ผ่านมามีแต่แม่คนเดียว อยู่เพื่อแม่ คิดตลอดว่าตายไม่ได้ ต้องดูแลแม่ เมื่อไม่มีแล้วจะอยู่อย่างไร คิดว่าวิ่งๆ อยู่ถ้าเราตกเขาไปเลย คงไม่มีใครรู้ เพราะชีวิตก็ไม่มีใครแล้ว แต่ก็ฮึดว่าไม่ได้นะ คนไทยรออยู่ ยังไงต้องทำให้ได้ก่อน ไม่มีคนไทยเคยมาจบที่นี่ ก่อนเราตายอย่างน้อยต้องทำประโยชน์ให้ประเทศไทย ให้วงการนักวิ่งไทย ก็เลยวิ่งจนจบ

สาวราชบุรี กล่าวด้วยว่า ตนเองนั้นไม่มีอาชีพอื่นอะไร ยอมรับว่าฐานะไม่ดี ทำงานประจำไม่ได้ เพราะต้องดูแม่ ที่ผ่านมารายได้จากเงินรางวัลงานวิ่งประเภทถนน ส่วนวิ่งเทรล ไม่มีเงินสดให้ มีแต่บัตรของขวัญ ที่จะนำไปขายต่อ ก็ได้ราคาไม่เต็มกับมูลค่าของบัตรของขวัญอยู่แล้ว แต่งานวิ่งก็ไม่จัดมานานแล้ว ขาดรายได้ นอกจากนี้ก็เวลาไปวิ่งก็เก็บใบต้นหูกวางยัดกระสอบ ไปขายเป็นอาหารปลา ได้กิโลกรัมละ 5 บาท
ส่วนทุนที่ไปวิ่งมองบลังค์นั้น พิชชานันท์ บอกว่าต้องหาไปเอง ไม่มีหน่วยงานใดมาดูแล เพราะอาจถูกมองเป็นเรื่องส่วนตัว ไปแข่งเอง พี่ๆก็จัดเปิดทอล์คชีวิตส่วนตัวให้ คนฟังสัก 30 คน แล้วก็ทำเสื้อออกขาย ได้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ราว 2 แสนบาท แต่ระหว่างนั้นมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เงินที่มีทั้งหมด ซึ่งก็ไม่เยอะ ทุ่มไปการไปแข่งขัน “อัลตร้า เทรล ดู มองบลังค์” เรียกว่าเทหมดหน้าตัก ยอมรับว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินไม่มากแล้ว ต้องสู้ชีวิตต่อไป ก่อนอื่นต้องไปจัดการทำบุญให้คุณแม่ ซึ่งเผาไปตั้งแต่วันที่เสียชีวิต เพื่อนเป็นธุระนำกระดูกมาไว้ที่บ้าน แล้วก็คงจะย้ายบ้านที่เป็นห้องเช่าที่ราชบุรี ไม่อยากอยู่แล้ว เพราะที่ที่อยู่นี่คนติดโควิดเยอะ ห้องเว้นห้อง ซึ่งตนเป็นคนไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ หาหลักแหล่ง
“ก็ยังคิดไม่ออกว่าทำอะไรต่อไป ยอมรับว่าเงินเหลือน้อยมาก แต่ไม่อยากบอกจำนวน ไม่อยากรบกวนใคร อยากหารายได้เอง อยากได้บริษัทมาจ้างไปโฆษณาโปรโมทสินค้า เพื่อได้เงินก้อน เพราะคงต้องทำอะไรอีกเยอะ ส่วนความฝันเราอยากมีที่ปลูกผักเล็กๆ มีเวลาอยากไปแข่งวิ่งก็ไป ไม่อยากบังคับตัวเอง” สาวจอมแกร่ง กล่าว
สำหรับ พิชชานันท์ นั้นมีเฟซบุ๊ก คนเดียว ก็วิ่งได้ Phitchanan Mahachot อัพเดตความเคลื่อนไหว พร้อมข้อมูลต่างๆ ก่อนหน้านี้ได้มีการทำเสื้อลายของ พิชชานันท์ เพื่อจำหน่าย โดยสามารถอินบอกซ์สอบถามในเฟซบุ๊กดังกล่าวได้.
