กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดยหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการตามคำสั่งนโยบายของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการเร่งรัดทางสำนวนคดีอาญา คดีพิเศษที่ 57/2566 มหากาพย์โกงหุ้น STARK ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 30,000-50,000 ล้านบาท และจำนวนผู้เสียหายกว่า 11,000 ราย เพื่อติดตามดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดและผู้มีส่วนร่วม รวมถึงดำเนินการยึด อายัด รายการทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่าร่วมหลักร้อยล้านบาท ที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิด สำหรับเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

DSI ออกหมายจับไล่ล่า ‘ชนินทร์ อดีตบิ๊ก STARK’ เผ่นหนีไปสิงคโปร์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม ว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลและนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 10 ราย เพื่อดีเอสไอดำเนินการทางคดีอาญา กรณีตกแต่งงบการเงินและเปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จ ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นที่มีความไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก จึงเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวงนั้น ตนได้รับทราบรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนว่า ดีเอสไอได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาบางส่วนเรียบร้อยแล้ว

แหล่งข่าวเผยว่า ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทายาทสีชื่อดัง และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสตาร์ค ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายในห้วงสัปดาห์หน้า ส่วนวันเวลาไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเราต้องให้ความปลอดภัยและให้พื้นที่การทำงานแก่พนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 10 รายนี้ ที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ดีเอสไอได้มีการรวบรวม แสวงหาพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนปรากฏข้อเท็จจริงพิจารณาประกอบกัน เป็นเหตุให้สามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหา คาดว่าจะมีการทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามลำดับ และยืนยันว่าดีเอสไอพร้อมดำเนินคดีกับบุคคลทุกรายที่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แม้บุคคลนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่อยู่ในธนาคารเอกชนชื่อดังขนาดใหญ่ก็ตาม

แหล่งข่าว เผยอีกว่า คณะพนักงานสอบสวนจะมีการจัดเตรียมชุดทำงานให้พร้อม เพื่อแบ่งทีมการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนเรื่องพยานเอกสารต่างๆ ผู้ต้องหาที่เข้าพบพนักงานสอบสวน สามารถนำข้อมูลใดมาเพื่อชี้แจงก็ได้

เมื่อถามว่าในกรณีที่นายวนรัชต์ ถูกออกหมายเรียกผู้ต้องหาแล้ว ทางดีเอสไอจะต้องดำเนินการอายัดทรัพย์ หรือฟรีซเงินในบัญชีธนาคารของเจ้าตัวหรือไม่ แหล่งข่าวอธิบายว่า ตนทราบมาว่าทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการในส่วนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการฟรีซที่เกิดจากสาเหตุที่ว่า หากหน่วยงานใดเจอหรือพบหลักฐานที่เห็นว่าเงินจำนวนเหล่านั้นได้มาจากการกระทำความผิด ก็สามารถอายัดเงินได้ ส่วนเรื่องจำนวนเงินหรือรายละเอียดทางบัญชีธนาคาร จะเป็นในส่วนของ ก.ล.ต. รับผิดชอบ

สำหรับประเด็นการอายัดทางทะเบียนรถยนต์หรู 4 คัน ของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เพื่อนำไปสู่การขยายผลถึงผู้ครอบครองตัวรถในปัจจุบันนั้น เเหล่งข่าว เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบถึงบุคคลผู้ครอบครองรถยนต์หรูดังกล่าว ได้แก่ BMW 630i Gran Turismo RHD ทะเบียน 1 กญ 0289 กรุงเทพมหานคร / MINI COOPER S Cabrio RHD สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 ขศ 0042 กรุงเทพมหานคร / MERCEDES BENZ AMG GLA 35 4MATIC สีเทา ทะเบียน 2 ขร 1162 กรุงเทพมหานคร / ROLLS-ROYCE DAWN สีดำ ทะเบียน 8 กร 0011 กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนคาดการณ์ว่า ผู้ครอบครองคงไม่พ้นบุคคลใกล้ชิดของนายชนินทร์ ซึ่งดีเอสไอจะสามารถติดตามทั้งตัวรถและผู้ครอบครองมาได้ ส่วนพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายถูกพิจารณาแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สิน อาทิ มีการรับ-โอนรายการทรัพย์สินนั้นอย่างไร และเจตนาของผู้ครอบครองนั้น ทราบหรือไม่ว่า เป็นรถยนต์หรูเหล่านี้ที่มาจากเงินของการบริหารจัดการบริษัท สตาร์คฯ หรือไม่ รวมถึงยังจะเร่งขยายผลตรวจสอบในเรื่องของเส้นทางการเงินร่วมด้วย

กรรมการ STARK แจ้งลาออก 3 ราย ‘สมชัย สวัสดีผล’ อยู่ 3 วันเปิดหมวกลา

ส่วนกรณีที่มีกรรมการของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งยื่นลาออก 3 ราย และมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น แหล่งข่าว ระบุว่า ทราบมาว่าไม่มีผลในทางคดีอาญาที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอกำลังดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะต้องไปตรวจสอบดูว่า บุคคลเหล่านี้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการทุจริตตกแต่งบัญชีบริษัทด้วยหรือไม่ หรืออยู่ในห้วงระยะเวลาของการเกิดเหตุหรือไม่ จึงไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่า ขณะนี้ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องหรือมีผลต่อสำนวนคดี ซึ่งดีเอสไอก็จะต้องให้ความเป็นธรรม หากไม่เกี่ยวข้อง ก็ถือว่าไม่มีผลต่อคดีแต่อย่างใด.