เมื่อวันที่ 9 ก.ย. หลังจากที่มีการปลดล็อกพืชกระท่อม ให้ประชาชนสามารถปลูกได้แล้วนั้น ล่าสุดได้มีพ่อค้าแม่ค้า ต่างขายใบ ขายต้น กันอย่างคึกคักทำรายได้เป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว เพราะใบกระท่อมตกอยู่กิโลกรัมละอย่างต่ำ 400 บาท หรือบางเจ้าอาจขายถึงราคากิโลกรัมละ 600 บาทกันเลยทีเดียว ขณะที่พ่อค้า แม่ค้าบางรายได้มีการเริ่มต้มน้ำกระท่อมบรรจุขวดแช่เย็นขาย ซึ่งกำไรบอกได้เลยว่าครึ่งต่อครึ่งกันเลยทีเดียว แต่ล่าสุดทำเอาบรรดาพ่อค้าถึงกับผวา

เมื่อนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ระบุว่า จากการปลดล็อกพืชกระท่อม ส่งผลให้เกษตรกรสามารถซื้อขายใบสด พันธุ์ของพืชกระท่อมได้ หรือจะปลูกต้นกระท่อมกี่ต้นก็ได้ ไม่ผิดกฎหมาย หรือใครมีใบกระท่อมอยากต้มน้ำกินเองในบ้านก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ยังไม่อนุญาตให้ต้มน้ำกระท่อมใส่ขวดขาย เพราะยังติดข้อห้ามของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ออกตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย และกระท่อมทั้งต้นและสารสกัด เป็นหนึ่งในบัญชีแนบท้ายรายการที่ 52 ยังถูกจำกัดห้ามผลิต หรือจำหน่าย ดังนั้น การต้มน้ำกระท่อมขายที่เห็นในขณะนี้ แม้ขออนุญาตก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน

เรื่องนี้ทำให้ชาวโลกออนไลน์ได้มีการแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับระบุว่า ทำไมถึงขายไม่ได้ ชี้เเจงหน่อยครับ กฎหมายข้อไหนที่ห้าม บังคับ มาตราอะไร ครับ ชี้แจงให้ชัดเจนครับ เพราะถ้าคิดอีกแง่คือ กระท่อม ก็ไม่ได้ต่างอะไร กับข้าวโพด ตอนนี้ ปลูกได้ กินได้ ขายได้ ต้มได้ ขายได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าจะบอกว่า ไม่มี อ.ย. นั้นก็แปลว่า น้ำอ้อย หรืออะไรที่เกี่ยวกับการต้ม ขายข้างถนน สามารถแจ้งจับได้หมด แต่ถ้าจะบอกว่าน้ำกระท่อมไม่ดีต่อร่างกาย น้ำอ้อยก็ไม่ต่างกันจะนั้น เพราะน้ำอ้อย ก็เป็นโรคเบาหวาน แต่จะผิดไม่มี อ.ย. ไม่ได้เสียภาษีก็ต้องจับ ให้ตั้งข้อหาได้หมด ใช่หรือไม่ ครับท่าน ผู้ใหญ่ๆทั้งหลาย ผมในฐานะไม่กินท่อม ไม่ดื่มน้ำกระท่อม แต่ก็สงสัยเพื่อให้กระจ่างครับ

 นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่า การที่ไม่เปิดช่องให้ประชาชนต้มน้ำกระท่อมบรรจุขวด เพื่อให้นายทุนมาทำใช่หรือไม่ หรือจะรอให้นายทุนตีแบรนด์สินค้าเพื่อกันชาวบ้านก่อน หรือเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่มาหากินกับพ่อค้าแม่ค้า