นายเสน่ห์ นัยเนตร ประธานกรรมการสหกรณ์ปศุสัตว์และสัตว์น้ำฉะเชิงเทรา จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องเผชิญปัญหาเลี้ยงแล้วขาดทุนมาก เนื่องจากราคาขายต่ำกว่าต้นทุนที่เลี้ยงไว้ โดยต้นทุนการเลี้ยงหมู ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรฯ อยู่ที่ กก. 96 บาท แต่ปัจจุบันขายได้เพียง 65-70 บาท เรียกว่าหมูทุก 1 ตัว จะขาดทุน 2,000 บาท หรือจับกันรอบหนึ่ง 25-30 ตัว ก็จะขาดทุน 6-7 หมื่นบาททันที  

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เนื้อหมูราคาตกต่ำ มาจาก 3 สาเหตุใหญ่ ได้แก่ 1.ปัญหาการลักลอบเนื้อหมูเข้ามาจำหน่ายจากต่างประเทศ ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สมัยที่มีโรคระบาดและหมูเนื้อแดง กก. 200-250 บาท มีการลักลอบเข้ามามาก แต่ระยะหลังมีการลักลอบนำเข้ามาน้อยลง เนื่องจากกรมศุลกากรมีการเพิ่มความเข้มงวดจับกุม อีกทั้งเนื้อสุกรในประเทศก็เริ่มถูกลง โดยปัจจุบันราคาหน้าเขียงเหลือ กก. 120-130 บาทเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่ 2. มาจากก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรฯ มีการห้ามส่งออกสุกร จนทำให้มีปริมาณหมูค้างสต๊อกอยู่ในฟาร์มจำนวนมาก จนไม่สามารถระบายออกไปขายได้ แต่ขณะนี้ก็ได้ปลดล็อกให้ส่งออกหมูไปประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว เช่น ลาว กัมพูชาสิงคโปร์ และ 3.สาเหตุมาจากผู้เลี้ยงรายใหญ่มีการเพิ่มการเลี้ยงหมูไว้มาก และได้ทยอยระบายหมูออกมาสู่ตลาด ทำให้หมูราคาตกต่ำเรื่อย ๆ และผู้เลี้ยงรายย่อยก็ต้องเดือดร้อนสู่ราคาไม่ได้ เพราะเฉลี่ยต้นทุนการเลี้ยงรายย่อยจะสูงกว่ารายใหญ่เกือบ กก. ละ 10 บาท ที่สำคัญผู้เลี้ยงรายใหญ่บางราย ยังมีช่องทางจำหน่ายเอง ยิ่งทำให้ได้เปรียบรายย่อยไปอีก

นายเสน่ห์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงหมูในประเทศ กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติแล้ว หลังจากช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ สมัยเกิดโรคระบาด ปริมาณหมูเคยลดลงเหลือ 6 แสนตัว แต่ขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาเป็น 8-9 แสนตัว และมีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศที่ตกเฉลี่ย 52,000 ตัวต่อวัน โดยปริมาณหมูที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากผู้เลี้ยงรายใหญ่ ที่เพิ่มปริมาณการเลี้ยงหลังจากขายได้ราคาดีช่วงก่อน ขณะที่รายย่อยก็กลับมาเลี้ยงเพิ่มบ้าง แต่มีสัดส่วนไม่มาก โดยเมื่อเทียบสัดส่วนผู้เลี้ยงรายใหญ่และรายกลางประมาณ 70% ขณะที่รายย่อยมี 30% 

สำหรับแนวทางที่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือ อยากให้กรมศุลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดดูแลปัญหาหมูเถื่อนลักลอบอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพราะช่วง 2 เดือนมานี้ หมูเถื่อนก็เริ่มลดลงไป แต่ที่สำคัญ ขอให้ผู้เลี้ยงรายใหญ่ลดจำนวนหมูขุนลง เพื่อให้เนื้อหมูมีปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพตลาด เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงที่หมูกำไรดี มีการเพิ่มปริมาณหมูขุนเข้ามามากไป  

“แม้ตอนนี้จำนวนหมูจะใกล้เคียงกับสภาวะปกติ แต่ปัญหาคือหมูแต่ละตัวมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หลังจากมีการชะลอเข้าโรงเชือดไปก่อนหน้านี้ ทำให้หมูแต่ละตัวปกติจะหนักเฉลี่ย 100 กก. เพิ่มเป็นหนักตัวละ 120-140 กก. ส่งผลให้มีปริมาณเนื้อหมูออกมาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เช่น ทุกวันนี้หมู 3 ตัว หากเชือดออกมา จะหนักเท่ากับหมูในช่วงปกติ 4 ตัว”